บัตรเครดิตคืออะไร

ถ้าพูดถึงเรื่องราวของบัตรเครดิตเชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักบัตรเครดิตกันอย่างแน่นอนค่ะยิ่งถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โตหรือว่ามีธุรกิจมากมายมหาศาลยิ่งจะต้องมีบัตรเครดิตติดตัวไม่ต่ำกว่า 3 – 5 ใบอย่างแน่นอน และที่แน่นอนว่าวันนี้เรื่องราวของบัตรเครดิตที่เราจะมาเล่าหรือ พูดถึงเรื่องของบัตรเครดิตและคุณประโยชน์ของมันกันคงจะมีชนกลุ่มน้อยที่ยังจะไม่รู้จักบัตรเครดิตเรื่องราวประโยชน์ของบัตรเครดิตกันอย่างแน่นอน

บัตรเครดิตคืออะไร

วันนี้สำหรับเรื่องราวของบัตรเครดิตหรือเทคนิคการสมัครบัตรเครดิตที่เราจะมาแนะนำ กันนั้นเราจะมาอัพเดตกันทั้งหมดด้วยกัน 3 เรื่องเรื่องแรกสำหรับวันนี้เราจะพูดถึงเรื่องของประวัติมันกันซะ ก่อนที่จะได้รู้ ว่าบัตรเครดิตนั้นมันคืออะไรและมันมีที่มายังไง มีคุณสมบัติ มากน้อยแค่ไหนที่เพียงพอต่อความสะดวกสบายเรื่องของการเงินถ้าพูดถึงเรื่องของเงินก็ เหมือนเคยไม่มีใครที่ไม่รู้จักเงิน แต่ถ้าพูดถึงเงินติดลบ หลายๆคนนั้นก็คงจะไม่เคยจะได้ยินกันใช่ไหมละค่ะ เงินติดลบนั้นมันก็เป็นส่วนหนึ่งในข้อเสีย อีกข้อของบัตรเครดิตนี่แหละค่ะเดี๋ยวเราจะ ได้มาพูดคุยกันว่ามันมีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไรบ้าง สำหรับบัตรเครดิตนั้น เบื้องต้น เลยมันก็คือบัตรใบนึงซึ่งทางธนาคารจะออกบัตรมาให้สำหรับใช้ในการทำธุรกรรมการเงินโดยจะต้องผ่านการอนุมัติ ตัวบัตรกับทางธนาคารก่อนจึงจะได้รับบัตร การจะอนุมัติได้นั้นจะต้องผ่านการทำเรื่องหรือการยื่นเอกสารเพื่อขอรับบัตรก่อน และแน่นอนค่ะว่าเจ้าบัตรนี้ก็มีคุณสมบัติพิเศษในตัวหรือตรงตัวตามบัตรเลย ที่ชื่อว่าบัตรเครดิตก็เพราะว่ามันจะให้เครดิตกับเราหรือเงินเรา นั่นเองโดยทางธนาคารนั้นจะออกวงเงินสำหรับการใช้งานในแต่ละเดือนให้กับเราโดยจะต้องมี การทำเรื่องเพื่อขออนุมัติตัววงเงินเพื่อนำมาใช้ในเรื่องของธุรกิจหรือธุรกรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของแต่ละคน และที่แน่นอนค่ะว่า ในแต่ละเดือนนั้นเมื่อ คุณ รับเงินไปแล้วหากภายในเดือนนั้นยังไม่สามารถหายอดเงินหรือวงเงินมาคืน ได้ มันก็จะเกิดคำที่เราเรียกว่า ดอกเบี้ยขึ้นนั่นหมายความว่าเราจะต้องจ่ายทั้งเงิน ต้นที่เราเอาเครดิตออกมาและดอกเบี้ยซึ่งเปรียบเสมือนค่าธรรมเนียมหรือค่าปรับในการใช้งานร่วมด้วยนั่นเอง เพราะแบบนี้แล้ว มันเลยเกิดการวายวอดเกิดขึ้นเมื่อ บุคคลที่ถอนเครดิตออกไปแล้วไม่มีเงินมาโปะ คืนเงินทุนนั่นเอง เลยเกิดเป็นหนี้มากมายมหาศาลเพราะเงินหมุนเวียนไม่พอ บัตรนี้จะพูดว่าเป็นบัตรที่สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินก็ว่าได้ค่ะ

โดยตัวบัตรเครดิตะมีแต้มหรือ สิทธิ พิเศษในการใช้ และก็สามารถเป็นส่วนลดได้มากมายตามห้างสรรพสินค้าหรือว่าโปรโมชั่นต่างๆที่จะมีขึ้นของธนาคาร เพื่อสมนาคุณสำหรับเจ้าขอบัตรในแต่ละเดือน และโปรนั้นก็แตกต่างกันไปตามแต่ที่เราสมัครกับธนาคารไหนนั่นเองละคะ บัตรเครดิต บัตรนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวงเงินสำหรับไปดำเนินการธุรกิจหรือทำธุรกรรมที่จำเป็นจริงๆเพราะหาก ทำในธุรกรรมที่ไม่จำเป็นนั้นมันจะมีผลข้างเคียงต่อเงินของคุณในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน หากเปรียบเทียบบัตรเครดิต และ บัตรเดบิต ต่างกันตรงที่ การใช้บัตรเดบิตนั้น เราจะต้องมีเงินในบัญชีก่อนเท่านั้น เนื่องจากบัตรจะหักเงินจากบัญชีออมทรัพย์ที่ผูกไว้ทันที ไม่เช่นนั้น จะรูดซื้อสินค้าไม่ผ่าน ส่วนความเหมือนของทั้งคู่ คือ สามารถนำมากดเงินสดได้เหมือนกัน แต่อย่าเรียกว่าเหมือนเลย เดี๋ยวจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิด หากกดเงินสดจากบัตรเครดิต (Cash Advance) จะมีค่าธรรมเนียม 3% ขั้นต่ำ 300-500บาท แล้วแต่ธนาคาร และยอดเงินที่กด จะถูกนำไปคิดใน statement ว่าเรายืมธนาคารมาใช้เป็นเงินสดเท่าไหร่ และยังถูกคิดดอกเบี้ยสำหรับยอดเงินที่กดมาใช้อีก หากเราไม่ได้ชำระเงินตรงตามกำหนด ซึ่งไม่นิยมใช้กดกัน เพราะว่าดอกเบี้ยสูงถึงประมาณ 25-28% ต่อปี ในขณะที่บัตรเดบิตให้ใช้กดเงินสดที่มีอยู่แล้วในบัญชีออกมาใช้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆหากกดที่ตู้ของธนาคารเดียวกัน สิทธิประโยชน์ต่างๆ และข้อดีของบัตรเครดิต มีหลากหลายแบบ อาธิ ได้เงินคืน (Cash Back) เงินเครดิตคืนเข้าบัตรในภายหลัง

– ได้ส่วนลด (Discount) ได้ส่วนลดทันที ณ ที่จ่าย

– สะสมคะแนน (Point Reward) สามารถนำไปแลกของหรือคูปองแลกซื้อสินค้าได้อีก

– สามารถแบ่งจ่าย (Pay Lite) เช่น ชำระ 0% 3, 6, 10 เดือน ฯลฯ

พกพาง่ายมีไว้สำหรับรูดซื้อของที่เราจำเป็นต้องใช้ ในการดำรงชีวิต หรือว่าบางคนก็พกไว้เพื่อความเท่ห์ๆไปงั้นนั่นเอง และแน่นอนค่ะว่า เรื่องขอบัตรเครดิตนั้นจะมาคิดเล่นๆไม่ได้เพราะว่าเราอยากจะเตือนผู้ที่อยากจะมีคุณควรจะมีวงเงินหมุนเวียนเพียงพอต่อการ นำเงินไปคืนกับทางธนาคารเพราะไม่อย่างนั้นแล้วดอกเบี้ยมันจะ ขึ้นสูงเรื่อยๆและเยอะจนคุณนั้นถึงขั้นหมดตัวหรือ เป็นหนี้เป็นสินมากมายมหาศาล

จนถึงขั้นหนักแบบล้มละลายเลยก็ได้ค่ะเพราะฉะนั้นการจะมีบัตรไว้ในครอบครองควรจะระมัดระวังอย่างยวดยิ่ง เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องของปัญหาการเงินนั้นตามมาทีหลังนั่นเองเพราะถ้ามีปัญหาการเงินตามมาทีหลังแล้ว จะแย่นะคะเพราะฉะนั้น ใครที่มีบัตรตรวจสอบว่าเราควรจะใช้ในสิ่งที่จำเป็นหรือว่า เรา จำเป็นจะต้องใช้วงเงินตรงนี้แล้วจริงๆหรอ เพราะถ้าเราเอาออกมาเมื่อไหร่เราควรจะมีเงินสำรองในการนำกลับเข้าไปโปะคืนเขาเหมือนเดิม เปรียบเสมือนเป็นการกู้ยืมเงินนั่นแหละคะ แต่เราสามารถควบคุมวงเงินและก็คืนโดยการแบ่งจ่ายในแต่ละงวดได้