กระต่ายหิวโซตัวหนึ่งเที่ยวเดินหาอาหารด้วยความกะปลกกะเปลี้ยเพราะไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เนื่องจากในฤดูแล้งหญ้าและ
คติสอนใจจากนิทานอีสปเรื่องนี้:
“ความโลภโมโทสันจนเกินเหตุ นำมาซึ่งอุปสรรคและความทุกข์ยาก”
กระต่ายหิวโซตัวหนึ่งเที่ยวเดินหาอาหารด้วยความกะปลกกะเปลี้ยเพราะไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เนื่องจากในฤดูแล้งหญ้าและ
คติสอนใจจากนิทานอีสปเรื่องนี้:
“ความโลภโมโทสันจนเกินเหตุ นำมาซึ่งอุปสรรคและความทุกข์ยาก”
กระต่ายตัวหนึ่งภาคภูมิใจนักหนาที่สัตว์ทุกตัวในป่าต่างก็เป็นเพื่อนรักของมันทั้งสิ้น วันหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงหมาป่าดังมาจากชายทุ่ง
กระต่ายจึงไปหาม้าเพื่อขอให้ม้าพามันขี่หลังหนีจากอันตราย “วันนี้ข้าไม่ว่างจริงๆเพื่อนเอ๋ย” ปฏิเสธ “เจ้าลองไปขอความช่วย
เหลือจากเจ้าวัวดูเถอะ” กระต่ายขอให้วัวช่วยไล่ขวิดขับไล่พวกหมาป่า แต่วัวก็อ้างว่าติดธุระสำคัญ เพราะนางวัวสาวนัดให้มันไป
พบ “ลองไปหาเจ้าแพะดูซิ มันคงช่วยพาเจ้าหนีได้แน่” วัวแนะนำ “แต่ขนของข้าแข็งและหยาบ อาจจะตำก้นของเจ้าให้ได้รับบาด
เจ็บ” แพะบ่ายเบี่ยง “ไปขอให้เจ้าแกะช่วยดีกว่า เพราะขนของมันทั้งยาวและนิ่ม” “ข้าก็อยากจะช่วยเจ้าเหมือนกัน” แกะพูดเอาใจ
“แต่เจ้าก็รู้นี่ว่าหมาป่ามันก็ชอบกินแกะเช่นเดียวกับกระต่ายน่ะแหละ เอาไว้ขอความช่วยเหลืออย่างอื่นดีกว่านะ” ขณะนั้นหมาป่าฝูง
ใหญ่ได้วิ่งพ้นชายเข้าใกล้มากแล้ว กระต่ายจึงตัดสินแผ่นหนีด้วยขาของตน และโชคดีที่หนีพ้นอันตรายไปได้อย่างหวุดหวิดนิทาน
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถึงแม้จะมีเพื่อนมากมาย แต่การทำสิ่งใดก็ตามควรหวังพึ่งตนดีที่สุด
คติสอนใจจากนิทานอีสปเรื่องนี้:
“ถึงแม้จะมีเพื่อนมากมาย แต่การทำสิ่งใดก็ตามควรหวังพึ่งตนดีทีสุด”