นิทานอีสป เรื่อง หมาจิ้งจอก หมาป่าและม้า

หมาจิ้งจอกตัวหนึ่งอายุยังน้อย แม้จะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แต่เนื่องจากมีประสบการณ์ไม่มากนัก เมื่อได้พบม้าเป็น

ครั้งแรกมันจึงไม่รู้จัก “ข้าพบสัตว์อะไรก็ไม่รู้ ตัวมันสูงใหญ่สง่างามแต่กินหญ้าเป็นอาหาร” หมาจิ้งจอกวิ่งมาบอก กับหมาป่า

เพื่อนของมันซึ่งอยู่ในวัยไล่ๆกัน “รูปร่างหน้าตามันเป็นอย่างไรล่ะ” หมาป่าซัก

“บอกไม่ถูกหรอก เจ้าตามข้าไปดูเอาเองดีกว่า” เมื่อหมาจิ้งจอกพาเพื่อนของมันมาพบกับม้า ตอนแรกม้าตกใจจะวิ่งหนี แต่เมื่อได้

ยินเสียงเรียกจึงหยุดยืนรั้งรออยู่เพื่อดูท่าที “ท่านมีชื่อเรียกเผ่าพันธุ์ว่าอย่างไร” หมาจิ้งจอกเอ่ยถาม “ช่วยบอกให้เรารู้หน่อย

เถอะ” ม้าแสยะยิ้มเพราะเมื่อได้ยินคำถามก็รู้ว่าทั้งสองยังไม่ค่อยเดียงสานัก “ชื่อของข้าน่ะรึ มาดูใกล้ๆเท้านี่ซิ ช่างทำเกือกม้าได้

สลักชื่อของข้าไว้ตรงนี้ไง” เมื่อเห็นม้ายกเท้าขึ้น หมาจิ้งจอกเกรงอันตรายจึงหันไปกล่าวกับหมาป่าผู้เป็นสหายว่า “ฉันยังไม่ได้

เข้าโรงเรียนเลย เธออ่านหนังสือเก่งไม่ใช่หรือ ลองเข้าไปอ่านหน่อยซิ” “อ้อ ได้เลย ฉันนะสอบได้ที่ 1 เป็นประจำเชียวน่ะ” หมา

ป่ากล่าวอย่างภาคภูมิ เดินยืดไหล่ชูคอเข้าไปอย่างสง่างาม แต่ทันใดนั้นมันก็ถูกม้าใช้เท้าถีบเข้าใส่อย่างแรงแล้ววิ่งหนีไป

“เพื่อนเอ๋ย หมาจิ้งจอกเข้ามาดูอาการหมาป่าผู้โชคร้าย “คราวหลังก็ระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้หน่อยนะ”

คติสอนใจจากนิทานอีสปเรื่องนี้:

“คนฉลาดอาจยอมทำตัวเป็น ผู้โง่เขลาในบางสถานการณ์ แต่คนโง่มักอวดตัวว่าฉลาดทุกเวลา”