โรคตาที่มากับคอมพิวเตอร์มีอาการอย่างไร?
คนที่ใช้คอมพิวเตอร์ไม่ถูกต้อง เช่น นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่องถึง 6 ชม. โดยไม่พักสายตา จนทำให้ปวดเมื่อยตา แสบตา ตามัว กระพริบตาน้อยลงตาแห้ง
ตาแดง รวมถึงปวดศีรษะ ปวดหลัง บอกเลยว่า คุณกำลังเป็นโรค “คอมพิวเตอร์วิชั่น ซินโดรม (Computer Vision Syndrome) “ อย่างไม่ต้องสงสัย
รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ความรู้ว่า โรคนี้เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ไม่ถูกต้อง ใช้สายตาไม่เหมาะสม ทำให้ปวดตา การมองเห็นไม่ชัด เคืองตา ปวดหัว เห็นภาพซ้อน เกิดได้กับทุเพศทุกวัย โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
ในวัยเด็กมักเกิดจากการเล่นเกมและการเรียนที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์นานๆ เพราะการใช้สายตามากทำให้สายตาสั้นเร็วกว่าปกติ อากรที่เกิดในเด็ก เช่น ตาแดง น้ำตาไหล ตาบวม วัยทำงานจะเกิดกับการนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์แบบไม่ละสายตากล้าวเนื้อตาจึง ต้องทำงานหนักโรคคอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม ยังรวมถึงคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือ ไอแพด แท็บเล็ตด้วย คนที่เพ่งสายตานานๆ ตาจะแห้ง ตาล้า ตาจะคล้ำเหมือนคนอดนอน ยิ่งถ้าอยู่ในห้องแอร์ตาจะแห้งมากขึ้น บางคนเสียเงินซื้อครีมบำรุงผิวใต้ตา แต่นั่อาจทำให้เราใช้สายตามากขึ้น
แก้ไข และป้องกันโรคตาที่มากับคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร?

ผู้ใช้งานที่เป็นผู้สูงอายุ ควรเลือกจอคอมพิวเตอร์ที่มีขนาด 17 นิ้วขึ้นไปใช้ตัวอักษรสีดำบนพื้นสีขาว ระยะห่างจากจอและสายตาประมาณ 1.5-2 ฟุต ไม่ควรใช้นานเกินวันละ 1-2 ชม.หรือหลับตาทุกๆ 30 นาที จะช่วยได้ โรคนี้มีโอกาสเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ตราบเท่าที่ผู้ใช้ยังชอบนั่งทำงานอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวร่างกาย ร้ายไปกว่านั้นยังกินขนม น้ำอัดลม ของทอดกรอบไปด้วย ซึ่งทำให้เกิดโรคเบาหวาน ความโลหิต โรคอ้วนตามมาด้วย
ควรพบจักษุแพทย์เมื่อไร?
อาการของโรคคอมพิวเตอร์วิชั่น ซินโดรม แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่รุนแรง แต่ก็ก่อให้เกิดความรำคาญ ประสิทธิภาพของงานลดลง หากได้รับการแก้ไขจะทำให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำงานอย่างเป็นสุขขึ้นและวิธีการแก้ไขส่วนใหญ่ทำได้ไม่ยาก ดังนั้น เมื่อใช้งานคอมพิวเตอร์ แล้วมีอาการทางตา ควรปรึกษาจักษุแพทย์
เสมอเพื่อหาสาเหตุ ก่อนสรุปว่า เป็นอาการเกิดจากใช้งานคอมพิวเตอร์ เพราะดังกล่าวแล้วว่า อาจมีโรคทางตาอื่นๆ ร่วมอยู่ด้วยได้
