นิทานพื้นบ้าน เรื่อง คนมีโชค
กล่าวถึงสาวงามนางหนึ่ง ผู้มีเสน่ห์ตรึงตราตรึงใจ ชายหนุ่มหลายคนต่างหลงใหลรักใคร่แต่นางเป็นหญิงที่คิดดี ประพฤติดี รู้จักรัก รู้จักเลือกจึงยังไม่รับรักจากชายใด วันหนึ่งมีชายหนุ่มที่แสนดีและขยันหมั่นเพียรมาหลงรักนางและสามารถเอาชนะใจ นางได้ สองหนุ่มสาวจึงตกลงปลงใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
วันเวลาแห่งความสุขผ่านไปไม่นาน สามีของนางก็ล้มป่วยและตายจากกันไป สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับนางยิ่งนักแต่ด้วยความรักที่มีต่อสามี นางจึงมุ่งมั่นตั้งใจที่จะไม่ขอมีความรักกับชายใดอีก และจะขออยู่เป็นหม้ายไปตลอดชีวิต ดังนั้น เมื่อเผาศพของสามีเรียบร้อยแล้ว นางจึงเก็บกะโหลกศีรษะของสามีไว้บนหัวนอนเพื่อกราบไหว้ก่อนนอนทุกคืน จนกระทั่งความรักความซื่อสัตย์ของนางเป็นที่กล่าวขานเล่าลือกันไปทั่วทั้ง หมูบ้าน หนุ่มๆทั้งหลายต่างก็ปรารถนาที่จะได้นางมาครอบครอง แต่ด้วยความรักที่มั่นคงนางจึงไม่สนใจผู้ใดทั้งสิ้น
กล่าวถึงชายหนุ่มคนหนึ่งผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศปรารถนาจะได้นางมาเป็นคู่ ครองเช่นเดียวกับชายหนุ่มทั้งหลาย จึงมุ่งมั่นคิดหาวิธีเอาชนะใจนางจนกระทั่งหาวิธีได้สำเร็จ เขาจึงไปหากะโหลกศีรษะมาอันหนึ่ง แล้วนำผ้ามาห่อไว้อย่างเรียบร้อย ครั้นถึงเวลากลางคืน ชายหนุ่มก็สะพายกะโหลกศีรษะนั้นเดินผ่านหน้าบ้านของนางในดวงใจ พร้อมกับตะโกนถามว่า “ใครอยู่บนเรือนบ้าง ข้าขอน้ำดื่มสักหน่อยเถอะ”
ฝ่ายหญิงงามผู้ซื่อสัตย์ครั้นได้ยินเสียงตะโกนก็ถามชายหนุ่มจนได้ความว่า เดินทางมาจากแดนไกล และข้ามแม่น้ำไปฝั่งโน้น แต่ตอนนี้ดึกแล้วจึงไม่มีเรือข้ามเป็นแน่แท้ จึงอยากขอพักค้างแรมสักคืน วันพรุ่งนี้ก็จะเดินทางต่อไป
เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากชายหนุ่ม นางจึงตอบไปว่า “ข้าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวนอนอยู่เรือนหลังนี้ ครั้นจะอนุญาตให้ท่านขึ้นไปนอนบนเรือนก็ไม่เป็นการสมควรนัก ข้าขอให้ท่านไปนอนที่ใต้ถุนยุ้งข้าวโน่นเถิด” ซึ่งชายหนุ่มก็ลงไปนอนที่ใต้ถุนยุ้งข้าวอย่างเต็มใจ แต่ก่อนนอนเขาได้นำกะโหลกศีรษะออกมาวางไว้บนหัวนอนอย่างทะนุถนอม
รุ่งเช้าชายหนุ่มก็แกล้งทำเป็นไม่สบายมาก และพูดกับกะโหลกศีรษะว่า “น้องจ๋า วันนี้พี่ไม่สบายมาก สงสัยว่าเราคงเดินทางต่อไปไม่ได้” ครั้นหญิงสาวผ่านมาได้ยินชายหนุ่มพูดกับกะโหลกศีรษะ ก็นึกในใจว่าชายหนุ่มนั้นคงจะรักภรรยาของตนมากเหมือนกับที่นางรักสามี เพราะแม้ว่าจะตายจากกันไปแล้ว ก็ยังนำกะโหลกศีรษะติดตัวไปไหนมาไหนด้วยเสมอ นางจึงเข้าไปถามไถ่ชายหนุ่มถึงอาการไม่สบาย ซึ่งในขณะนั้นก็เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก ครั้นเห็นชายหนุ่มนอนเปียกฝนอยู่ก็เกิดความสงสารจึงรีบบอกให้ชายหนุ่มขึ้นไป นอนบนเรือน เพราะใต้ฝนยุ้งข้าวฝนสาดเข้ามาหมดแล้ว
ในที่สุดชายหนุ่มก็ย้ายขึ้นมานอนบนชานเรือนของนางอันเป็นที่รัก และก็ไม่ลืมที่จะนำเอากะโหลกศีรษะมาตั้งไว้บนหัวนอนของตนด้วย พอตกกลางคืน เมื่อชายหนุ่มเห็นว่านางนั้นเข้านอนแล้ว ก็แอบย่องเข้าไปในเรือนขโมยกะโหลกศีรษะสามีของนางที่วางไว้บนหัวนอนออกมา ทันที
ครั้นรุ่งเช้าพอถึงเวลาที่นางตื่น ชายหนุ่มก็เริ่มแสดงท่าทางโกรธเกรี้ยวไม่พอใจ ส่งเสียงโวยวายดังลั่น “โอ้โฮ ข้าทิ้งเจ้าไว้ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นก็แอบมาเล่นชู้กันเสียแล้ว เสียแรงที่ข้าทั้งรักและไว้ใจเจ้า” สิ้นเสียงชายหนุ่มก็เอาค้อนมาทุบหัวกะโหลกทั้งสองจนแหลกละเอียด
ฝ่ายหญิงสาวที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็เสียใจอย่างหนักกับการกระทำอันเลว ร้ายของสามีที่เจ้าชู้เหลือเกิน เสียแรงรัก เสียแรงซื่อสัตย์ เหลือเพียงกะโหลกศีรษะก็ยังไม่วายที่จะไปเล่นชู้กับภรรยาของชายอื่นให้ตน เจ็บช้ำน้ำใจ
เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าแผนการของตนนั้นสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว ก็เริ่มแผนการลำดับต่อไปทันที โดยตอนสายๆของวันนั้น ชายหนุ่มก็เข้าไปกล่าวล่ำลานางเพื่อออกเดินทางต่อไป แต่หญิงสาวกลับพูดกับชายหนุ่มด้วยความห่วงใยว่า “ท่านยังไม่หายป่วยเลย จะรีบไปทำไมล่ะ พักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ” แล้วนางก็ไปหายามาให้ชายหนุ่มกิน เฝ้าดูแลรักษาอาการป่วยของชายหนุ่มอย่างใกล้ชิด
ในที่สุดชายหนุ่มก็เป็นผู้โชคดี สามารถครอบครองหัวใจรักและซื่อสัตย์ของหญิงงามที่ตนหมายปองได้