นิทานพื้นบ้าน เรื่อง ปฏิภาณไหวพริบกับวิชาความรู้
กล่าวถึงชายหนุ่มสี่คนพี่น้องที่ตั้งใจจะไปศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจากพระ ฤษีจึงจัดเตรียมเสบียงอาหารพากันออกเดินทางไปพบกับพระฤษีผู้มีมนต์วิเศษใน ป่าลึก
ซึ่งพระฤษีก็รับทั้งหมดเป็นลูกศิษย์ สั่งสอนเวทมนตร์วิเศษให้จนครบถ้วนบริบูรณ์
ครั้นถึงเวลากลับบ้านพี่น้องทั้งสี่คนก็กราบลาพระฤษีแล้วออกเดินทางกลับบ้านเมือง ของตน ระหว่างทางพี่ชายคนโตไปพบกับกระดูกกองใหญ่กองหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นโครงกระดูกของอะไร ด้วยความอยากรู้ทุกคนจึงช่วยกันต่อโครงกระดูกเหล่านั้นจนรู้แน่ว่ากระดูกกอง นี้เป็นเสือโคร่ง
ฝ่ายพี่คนที่สองอยากลองวิชาวิเศษที่ได้ร่ำเรียนมาจึงเป่าคาถาใส่โครง กระดูกเสือโคร่ง ทันใดนั้นโครงกระดูกเสือโคร่งก็มีเนื้อมีหนังปรากฏขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ครั้นพี่ชายคนที่สามเห็นก็อยากลองวิชาชุบชีวิตที่ตนได้เรียนมาบ้าง จึงเริ่มท่องคาถาวิเศษ
เมื่อน้องคนเล็กที่ไม่มีวิชาวิเศษติดตัว เห็นพวกพี่ๆกำลังจะชุบชีวิตเสือโคร่งขึ้นมา จึงร้องเตือน
“ช้าก่อนพี่ๆ ทั้งหลาย นี่มันเป็นเสือโคร่งนะ เป็นสัตว์ดุร้าย ถ้าพวกพี่เป่าคาถาให้เสือมีชีวิตขึ้นมา มันจะต้องกัดกินพวกเราทุกคนอย่างแน่นอน” น้องคนเล็กอธิบาย
แต่พี่ชายทั้งสามคนไม่ยอมฟังคำเตือนกลับพากันพูดต่อว่าน้อง
“น้องเอ๋ย เจ้ากลัวว่าพี่ๆของเจ้าจะมีคาถาวิเศษนะซิ ถึงไม่อยากให้ลองวิชา” พี่ชายพูดขึ้นพร้อมกัน
เมื่อเตือนอย่างไรก็ไม่มีใครยอมฟัง น้องคนเล็กจึงคิดหาวิธีป้องกันตัวเองด้วยการปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ ส่วนพี่ชายทั้งสามคนก็ร่วมมือร่วมใจกันเป่าคาถาวิเศษใส่ซากเสือโคร่ง ไม่นานนักเสือโคร่งก็มีชีวิตขึ้นมาเหมือนเดิม แต่เพราะไม่ได้กินอาหารมานานหลายปีแล้ว เสือโคร่งหิวโซก็กระโจนเข้าใส่ทั้งสามคนพี่น้อง กัดกินเป็นอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
ในที่สุดเสือก็กินทั้งสามคนพี่น้องจนหมดแล้วค่อยๆเดินกลับเข้าไปในป่า เหลือเพียงน้องชายคนเล็กที่หนีขึ้นไปบนต้นไม้เพียงคนเดียวเท่านั้นที่รอดพ้น จากอันตราย และเดินทางกลับไปถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย