ทำไมต้องให้ลูกเป็นเด็กมีความคิดสร้างสรรค์ ? เพราะจะช่วยให้ลูกรู้จักคิดริเริ่ม ทดลองทำสิ่งใหม่ๆ มีความมั่นใจในตนเอง หากเจอปัญหา จะไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคง่ายๆ แต่จะพยายามคิดหาแนวทางแก้ไข หรือปรับปรุงเพื่อให้สิ่งนั้นๆ ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเอง และต่อสังคมในอนาคต
ลักษณะของเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์
- ช่างสังเกต อยากรู้อยากเห็นว่าสิ่งนั้นคืออะไร
- ชอบศึกษาค้นคว้าทดลองทำสิ่งใหม่ๆ
- กล้าแสดงออก
- มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังสนใจ
- มีความคิดเป็นของตัวเอง
การส่งเริมให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์
- ให้ความรัก ความอบอุ่นกับลูกอย่างเพียงพอ เมื่อลูกเห็นว่าคุณพ่อ คุณแม่เอาใจใส่ เขาจะรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย มีอารมณ์แจ่มใส กล้าคิด กล้าถาม
- ฝึกให้ลูกเป็นเด็กช่างสังเกต
โดยอาจจะเริ่มจากหนังสือภาพ หรือนิทาน ให้ดูว่าลักษณะของช้างคือมี งวงยาวๆ มีใบหูใหญ่ๆ หรือ “ถ้าหนวดของแมวมีหน้าที่เหมือนเป็นเรดาร์ในการตรวจจับเส้นทาง ดังนั้น อย่าไปดึงหนวดแมวนะคะลูก” ส่งเสริมให้ลูกรู้จักสิ่งของทีใช้เหมือนกัน – แตกต่างกัน – มีความสัมพันธ์กัน หรือสิ่งที่เป็นประเภทเดียวกัน เช่น สัตว์บก สัตว์ป่า สัตว์น้ำ เป็นต้น
- สอนให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตนเอง
แม้ในช่วงแรก เขาอาจจะยังทำได้ไม่ค่อยดี ก็ไม่เป็นไร เมื่อหัดทำบ่อยๆ เขาจะทำได้ดี และมีความมั่นใจในตัวเองมากยิ่งขึ้น
- ฟังลูกซักถามด้วยความเต็มใจ
คุณพ่อ คุณแม่ควรให้ความสำคัญ และสนใจในการตอบคำถามลูก เพราะเมื่อลูกเริ่มโตขึ้นความอยากรู้อยากเห็นก็มีมากขึ้นไปด้วย หากคุณทำท่าว่ารำคาญ หรือเบื่อ ลูกก็จะไม่กล้าถามอะไรอีก เท่ากับเป็นการปิดกั้นความรู้ลูกด้วยตัวคุณเอง
- ให้โอกาสลูกได้แสดงความคิดเห็นบ้าง
โดยการให้ลูกมีโอกาสได้เลือกเสื้อผ้า หรือแสดงความคิดเห็น/ความต้องการของตัวเองบ้าง เราจะได้รู้ว่าลูกมีความรู้สึกต่อเรื่องๆนั้นอย่างไร เป็นการสอนเรื่องเหตุและผลไปในตัว
- สร้างสิ่งแวดล้อมในบ้านให้เหมาะสม เช่น
- จัดหาหนังสือภาพ / นิทานให้เหมาะตามวัยและความสนใจของลูก
- จัดมุมหนังสือ/มุมนั่งเล่นให้ลูกรู้ว่าตรงนี้เป็นพื้นที่ของเขา
- มีกล่อง หรือตู้ใส่ของเล่น ให้ลูกรู้ว่าเล่นเสร็จแล้วต้องนำมาเก็บให้เรียบร้อย
- จัดเตรียมสมุด/กระดาษ/ดินสอ/สี ไว้ให้ลูกวาด หรือระบายสีเล่น
- ทั้งนี้ ควรเป็นสถานที่ที่สะอาด ปลอดภัยและมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
- เลือกของเล่นที่เสริมพัฒนาการความคิดสร้างสรรค์ เช่น
- บล็อกหรือตัวต่อ, ของเล่นจำลอง, บทบาทสมมุติ,เกมจับคู่, แป้งโดว์
- สอนให้ลูกเรียนรู้จากประสาทสัมผัส เช่น
- ดูสิ่งของที่มีรูปทรงแตกต่างกัน / ใบไม้สีเขียว / ดอกไม้สีเหลือง
- ดมกลิ่นดอกไม้ / กลิ่นแป้ง หรืออาหาร
- ฟังเสียงน้ำไหล – ดนตรี – กระดิ่ง
- ชิมรสจากอาหาร – ขนม – น้ำหวาน
- สัมผัสของที่มีลักษณะแตกต่างกัน ผิวหยาบ-ละเอียด เบา-หนัก แห้ง-เปียก เป็นต้น
- พาไปเรียนรู้นอกสถานที่ เช่น พิพิธภัณฑ์เด็ก ห้องสมุด ค่ายวิทยาศาสตร์ ค่ายธรรมชาติสำหรับเด็ก
- ให้รางวัลด้วยคำชมเชย การกอด การหอม หรือแสดงความยินดีต่อสิ่งที่ลูกทำ ก็จะทำให้ลูกมีกำลังใจที่ดี มีความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งๆนั้นต่อไป
นอกจากนี้ การที่เด็กจะมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีได้ ต้องไม่ลืมสุขภาพอนามัยที่ดีด้วยนะคะ การทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อน และการออกกำลังกายที่เพียงพอ เหล่านี้จะช่วยทำให้ลูกมีความพร้อมในการเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ เพิ่มขึ้นค่ะ