“ตอนผมอ้วน ผมใช้ชีวิตในสังคมได้ค่อนข้างลำบาก รู้สึกเหมือนเป็นตัวประหลาดของสังคม เพราะเราตัวใหญ่เกินไป ขึ้นรถโดยสารก็จะไปเบียดที่นั่งคนข้างๆ เวลาโบกรถ รถส่วนใหญ่ก็จะไม่รับ เดินขึ้นสะพานลอยไม่กี่ขั้นจะรู้สึกเหนื่อยหอบมาก…”
เสียงบอกเล่าจาก นัท ชนะกุล แย้มบุปผา หนึ่งในผู้เข้าร่วมรายการเต้นเปลี่ยนชีวิต ที่เคยมีน้ำหนักตัวสูงถึง 130 กิโลกรัม จากพฤติกรรมที่ชอบกินอาหารขยะทุกวันหลังเลิกเรียน ไม่ว่าจะเป็นไก่ทอด มันฝรั่งทอด (เฟรนซ์ฟราย) หรือพิซซ่า ส่งผลให้เขามีน้ำหนักตัวหลักร้อยกิโลกรัม ประกอบกับน้ำอัดลม ส่งผลให้เขาถูกหามส่งโรงพยาบาลด้วยโรค “ไขมันพอกตับ” แถมด้วยคอเลสเตอรอลและไขมันในเลือดสูง อันเป็นเหตุมาจากความ “อ้วน” ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่เป็นจำนวนมาก
นัทเล่าให้ฟังว่าในช่วงที่อ้วนและรู้สึกว่าตัวเองเหมือนตัวประหลาดนั้นก็ ได้แต่เก็บตัวเงียบในบ้าน แต่นั่นกลับทำให้ร่างกายเขาแย่ลงอีก “ผมเก็บ ตัวเงียบในบ้านไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้เจอผู้คนหรือออกกำลังกาย ได้แต่นั่งทำวิทยานิพนธ์ และยิ่งทำให้กินตลอดเวลา ไม่เกิดการเคลื่อนไหวร่างกายจนป่วย” ด้วยอาการป่วยดังกล่าวจึงเป็นจุด เริ่มต้นให้ชายหนุ่มผู้มีน้ำหนักตัวมากตัดสินใจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จากที่เคยเก็บตัวหลบหนีสังคมก็เริ่มหันมาออกกำลังกาย และลด ละ เลิก อาหารประเภททอด ปิ้ง ย่าง รวมถึงน้ำอัดลมโดยสิ้นเชิง
“ผมเริ่มลดน้ำหนักหลังจากออกจากโรงพยาบาล โดยมีการจำกัดแคลอรี่ของอาหารที่กินในแต่ละวัน ผมหักดิบตัวเอง โดยกินน้อยมากวันละประมาณ 500 กิโลแคลอรี่ และทำให้ผมวูบ ร่างกายรับไม่ไหว ” นัทบอกถึงวิธีการลดน้ำหนักแบบไม่ถูกต้องในระยะแรก
หลังจากที่นัทมีโอกาสเข้าร่วมรายการเต้นเปลี่ยนชีวิต ก็สามารถปรับเรื่องการกินได้เหมาะสม โดยการกินอาหารครบทั้ง 3 มื้อ และครบทั้ง 5 หมู่ เน้นไปที่การกินโปรตีน และผักผลไม้ รวมไปถึงการลด ละ เลิก อาหารหวาน มัน เค็ม เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานมากในการซ้อมเต้นและออกกำลังกายในแต่ละวัน
สิ่งที่จำเป็นต้องมีในการลดน้ำหนักคือ
- ความตั้งใจเป็น เรื่องสำคัญมากสำหรับคนจะลดน้ำหนัก อาจจะต้องต่อสู้กับใจของตัวเองมากๆ แต่เชื่อว่าถ้ามีความตั้งใจเป็นที่มั่นแล้ว ก็สามารถพิชิตความอ้วนได้
- หาแรงบันดาลใจ จะต้องเป็นแรงบันดาลใจที่ชัดพอ เมื่อเรารู้สึกท้อในการลดน้ำหนัก แรงบันดาลใจนั้นต้องทำให้เราลุกขึ้นสู้ต่อได้
- มีคนบันดาลใจ (Idol) เป็นแบบอย่างในรูปร่างที่เราอยากได้ อยากเป็น เพื่อให้เราได้ไปถึงเป้าหมายในการออกกำลังกาย
- ตั้งเป้าหมาย ควรจะเป็นทั้งเป้าหมายระยะสั้น และเป้าหมายระยะยาว โดยเน้นไปที่การลดสัดส่วน ไม่ใช่การลดน้ำหนัก
- มีวินัย ทั้งใน เรื่องการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยการออกกำลังกายทั้ง 3 รูปแบบคือ การคาร์ดิโอ การใช้แรงต้าน และการยืดเหยียด รวมถึงการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายให้ครบทั้ง 3 มื้อและครบทั้ง 5 หมู่
- ให้รางวัลตัวเอง เมื่อทำได้ตามเป้าหมายที่เราวางไว้ก็ควรให้รางวัลตัวเองเพื่อเสริมสร้างกำลังใจที่ดีกับตัวเอง
6 ข้อ เคล็ดลับง่ายๆของ “นัท” ชายหนุ่มผู้ต่อสู้กับการลดน้ำหนักได้เกือบ 50 กิโลกรัม สำหรับ ชีวิตหลังการลดน้ำหนักได้แล้ว นัทบอกว่า ชีวิตดีขึ้นมาก โรคไขมันพอกตับ คอเลสเตอรอลและไขมันในเลือด ที่เคยเป็นก็หาย สุขภาพแข็งแรง และมีความสุขกับการกินอาหารแบบคลีน และมีวินัยในการออกกำลังกายทุกวัน…
เรื่องโดย อาภาวรรณ โสภณธรรมรักษ์ Team Content www.thaihealth.or.th
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
http://www.thaihealth.or.th/Content/25233-620E0B980E0B884E0B8A5E0B987E0B894E0B8A5E0B8B1E0B89AE0B89EE0B8B4E0B88AE0B8B4E0B895E0B884E0B8A7E0B8B2E0B8A1E0B8ADE0B989E0B8A7E0B899html