ที่มาของวาเลนไทน์

วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2558 วันแห่งความรักของฝรั่งไกล้เข้ามาแล้ว หลายๆคนคงยังไม่รู้ถึงที่มาของวันวาเลนไทน์ ว่ามีที่มายังไง ตามมาอ่านกันเลยว่ามีประวัติที่มาที่ไปยังไง


วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมันซึ่งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี วันวาเลนไทน์นี้จะเป็นวันเฉลิมฉลองใหญ่ของจูโน่ ราชินีแห่งเหล่าทวยเทพและเป็นเทพธิดาของชาวโรมัน ชาวโรมันจะรู้จักจูโน่ดีในนามของเทพธิดาแห่งอิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงสังสรรค์ของเด็กหนุ่มและเด็กสาวของชาวโรมัน

ต่อมาในรัชสมัยจักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 แห่งกรุงโรม เป็นกษัตริที่มีใจคอโหดเหี้ยม อัมหิต ทรงนิยมการทำสงครามนองเลือด และทรงห้ามการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด

ในขณะนั้นมีนักบุญชื่อว่าเซนต์วาเลนไทน์ ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงโรม ได้ร่วมมือกับ เซนต์มาริอัส จัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่ด้วยความปรารถนาดีของท่านนี้เอง จึงทำให้นักบุญเซนต์วาเลนไทน์ถูกตัดสินประหารชีวิต

ก่อนที่เขาจะถูกประหารชีวิตนักบุญเซนต์วาเลนไทน์ เขาได้ตกหลุมรักหญิงสาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อว่าจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาตอนที่ถูกคุมขังอยู่ในคุก ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะถูกประหารชีวิตนั้น เขาได้เขียนจดหมายและส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย อันเป็นที่รักของเขาโดยลงท้ายว่า “From Your Valentine” วันที่14 กุมภาพันธ์เป็นวันเสียชีวิตของนักบุญวาเลนไทน์

ถึงแม้ว่าเบื้องหลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะเป็นตำนานที่มืดมัวพอสมควรแต่เรื่องราวยังคงแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกหดหู่ สงสาร และที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจเลยว่า ในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส

ต่อมาบาตรหลวงในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายังคงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือกหญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้


สัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์คือ เทพเจ้าคิวปิด ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักดั้งเดิมของชาวโรมัน ร่างกายเป็นเด็กทารกติดปีก กำลังโก่งคันศรทองเล็งไปยังหัวใจของผู้คน ตามตำนานของกรีกและโรมันพูดถึงคิวปิดว่า เป็นบุตรของมาร์ (เทพเจ้าของสงคราม) และ วีนัส (เทพเจ้าแห่งความรักและความงาม)