พ่อค้าคนหนึ่งเดินทางค้าขายระหว่างเมืองต่างๆ ได้นำสินค้าที่เตรียมไปจำหน่ายซึ่งมีจำนวนมากให้ลาบรรทุกจนหลังแอ่น ส่วนม้า
นั้นพ่อค้าให้เดินตัวเปล่าเพราะต้องการจะถนอมไว้เนื่องจากเกรงจะขายไม่ได้ ราคาหากม้าของตนบอบช้ำจากการเดินทาง ลารู้สึก
ว่าการบรรทุกครั้งนี้หนักเกินกำลัง มันพยายามอ้อนวอนม้าผู้เป็นสหายขอให้ช่วยแบ่งเบาสัมภาระ “เพื่อนเอ๋ย..ข้ารู้สึกตาลายแข้งขา
สั่นไปหมดแล้ว ช่วยแบ่งสัมภาระไปบรรทุกบ้างเถิด เมื่อพักค่อยยังชั่วกลับมีแรงขึ้นมาสักหน่อย ข้าจะรีบนำของเหล่านั้นมาบรรทุก
ตามเดิม หากเพื่อไม่ช่วยคราวนี้ข้าคงต้องขาดใจตายอยู่กลางทางแน่ๆ” ม้าไม่สนใจคำขอร้องของลา มันยังคงเดินอย่างสง่าต่อไป
ในขณะที่ลาเริ่มหมดแรงทำท่าจะล้มลง “ข้าไม่ได้สำออยหรอกนะแต่คราวนี้ไม่ไหวจริงๆ เจ้านั้นทั้งสูงใหญ่และแข็งแรงกว่าข้ามาก
นัก โปรดอย่างนิ่งดูดายอยู่เลย หากเพื่อไม่เมตตาข้าคงไม่มีโอกาสได้กล่าวคำวิงวอนอีกแล้ว” “หุบปากของเจ้าซะที” ม้าทำทีขัด
เคือง มันธุระกงการอะไรของข้าที่จะต้องไปช่วยคนอื่น เจ้ามีหน้าที่บรรทุกก็ก้มหน้าก้มตาทำไปซิ”ลาผู้น่าสงสาร กัดฟันเดินต่อไป
ได้อีกไม่กี่ก้าวก็ล้มลงขาดใจตาย พ่อค้าจึงนำสินค้าทั้งหมดให้ม้าบรรทุกแทน และเมื่อเดินทางจนเหน็ดเหนื่อยพ่อค้าก็ขึ้นไปขี่บน
หลังอีกด้วย ในเวลานี้ม้าได้แต่สำนึกเสียใจในความเห็นแก่ตัวของมัน แต่ก็สายไปแล้ว
คติสอนใจจากนิทานอีสปเรื่องนี้:
“การไม่รู้จักเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่นในสิ่งที่สมควรเมื่อคราวที่เขาตกทุกข์ได้ยาก ทุกข์นั้นอาจจะมาถึงตัวเราได้เช่นกัน”