ชีวิตจริงมันช่างโหดร้าย ไข่อาจารย์มีไว้ให้เราเลีย
อาจารย์เปรียบเสมือนผู้ว่าจ้าง
ปกติแล้วนักศึกษามักจะมองอาจารย์ที่จะต้องไปส่งโปรเจ็ก เหมือนกับตุลาการที่ถือดาบอยู่ในมือ พร้อมจะฟัดฟันบั่นคอ ไอ้คนที่เดินกุมไข่คอตกเข้าไปหา กลัวจะโดนปฎิเสธสิ่งที่ตัวเองทำไปบ้าง กลัวนุ่นนี่นั่นบ้าง ก็ไม่รู้ว่าจะไปกลัวแกทำไม เอางี้ครับ ลองมองอาจารย์เสียใหม่ ว่าจริงๆแล้วแกเป็นเสมือนกับผู้ว่าจ้าง ให้เราทำงานไปให้ แน่นอนว่างานถ้าหากมันยังมีข้อสงสัยอยู่ แกก็ต้องถามต้องซักเป็นธรรมดา ก็อาจารย์แกไม่รู้นี่ แกไม่ได้ทำกับเราด้วย หน้าที่เราตอนนั้นคือการฝึกพรีเซ้นต์งาน ในงานจริงมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ตรงไหนที่อาจารย์ถามแล้วตอบไม่ได้ก็จดไว้ บอกไปว่าจะหาคำตอบมาให้ อะไรที่ต่อรองได้ก็ต่อรอง ก็คุยกันครับ
งานถ้าเราเขียนมาเอง แววตามันจะมีความตั้งใจ และพร้อมที่จะแก้ไขหากมีตรงไหนที่อาจารย์แนะนำมาว่าน่าจะทำอย่างนี้ดีกว่าๆ
แกก็แค่อยากให้งานที่ว่าจ้างไป เสร็จเท่านั้นเอง แกไม่ได้น่ากลัวอะไร
อย่าหายหัว
การไปพบไปเจออาจารย์บ่อยๆ เป็นเรื่องที่ดีมากมาก มีงานน้อยก็ขอให้ไปพบ อย่าได้อาย สิ่งหนึ่งที่เราจะได้จากการไปพบอาจารย์บ่อยๆ คือความคุ้นเคยระหว่างกัน เออ… ต่อให้ในวันที่ไม่มีงาน ย้ำนะครับว่าไม่มีงาน แต่เป็นวันที่เรานัดกับอาจารย์ไว้ ก็ให้ไปหาครับ อย่าได้หลบ มันอาจจะรู้สึกน่ากลัวแต่มันก็เป็นแค่ความรู้สึกครับ ผมยังไม่เคยเห็นใครเดินจากห้องอาจารย์แล้วขาขาด ตาปูด ออกมา ไม่เคย เวลาเข้าไปหาให้ทำหน้าเหมือนหมาทำผิด แล้วสารภาพตรงๆ ไปว่า นัดครั้งนี้งานผมไม่เสร็จ และไม่มีอะไรมาส่งอาจารย์ ทีนี้เมื่อไปแล้วก็อย่าไปเปล่า ให้นำข้อสงสัยหรือข้อที่เราติดไปถามอาจารย์ด้วย เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา
อย่าพยายามหาข้อแก้ตัวครับ เพราะ ลองถามตัวเองเหอะเวลามีใครมาพยายามอธิบายว่างู้นงี้งั้นกับคุณ คุณก็รู้ว่า อีหอย … แก้ตัว จริงๆ ตรงไปตรงมาคือทางที่ดีที่สุด ที่ผ่านมาขี้เกียจก็บอกไปว่า ผิดไปเพราะขี้เกียจ และสัญญาว่าจะปรับปรุงนิสัย แล้วก็ปรับปรุงซะ
โยนขี้ให้อาจารย์
ตอนที่เราเอาโปรเจ็กไปส่ง อาจารย์จะถามนู่นนี่นั่น ถ้าอธิบายไม่ได้ก็บอกอาจารย์ขอกลับไปพิจารณาแล้วจะกลับมาพร้อมคำตอบอันยิ่ง ใหญ่ หรือบางทีอาจารย์ก็จะบอกในลักษณะว่า ให้ไปปรับปรุง ให้ไปเพิ่มให้มันมีฟีเจอร์มากกว่านี้ ให้โยนขี้กลับไปให้อาจารย์แบบเนียนๆเลยครับ บอกว่า อาจารย์คิดว่ายังไงดีครับอาจารย์ ผมลองไปคิดแล้วแต่ก็คิดไม่ออก เพราะว่าที่วิเคราะห์มา ทางนู้นเขาก็ต้องการแค่นี้ เดี๋ยวอาจารย์จะปิ๊งไอเดียให้เอง หรือหากอาจารย์ไล่ให้กลับไปคิดมา ก็ลองกลับหอพักไปนั่งฟุ้งๆดูหน่อย ถ้ายังคิดไม่ออก เจอกันครั้งหน้าก็บอกอาจารย์ไปเลยว่า คิดแล้วแต่คิดไม่ออก พยายามคิดถึงมือถือ ว่าจะเอามันไปผูกกับมือถือหรืออะไรอย่างเนี้ย ก็ไม่ออก อาจารย์ช่วยหน่อย อาจารย์อยากได้อะไรผมจัดให้ได้
ไม่ต้องกลัวครับว่าจะได้งานเพิ่ม เราอยู่ในระหว่างการฝึก ได้งานเพิ่มมาก็เอาไปทำ ถ้าคิดว่าทำไม่ทันก็ต่อรอง นี่เลยจึงเป็นทักษะ ต่อไปเวลาท่านทำงานต้องต่อรองกับเจ้าของงานจริงๆ จะได้คุ้นชิน
การโยนขี้ใส่อาจารย์ แรกๆมันก็โดนขี้เปื้อนมือบ้าง แต่ถ้าฝึกโยนบ่อยๆ มันจะยิ่งเนียน ขี้จะเปรอะอาจารย์คนเดียว เราจะไม่เปื้อน ฝึกดูครับ เดี๋ยวท่านก็รู้ด้วยใจท่านเองว่าควรจะทำอย่างไร ไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าเราโยนขี้ใส่
เลียไข่
พ่อแม่มีลูก 3 คน จะมีบางคนที่รู้สึกว่าพ่อแม่รักเราน้อยกว่าคนอื่น หากจะลองสังเกตดูเชื่อเหอะว่า ไอ้ลูกคนนั้นมันจะมีนิสัยบางอย่างที่ทำให้รู้สึกห่างเหิน คือพ่อแม่รักเท่ากันแหละ แต่จะคุยกับบางคนมากกว่า เพราะมันขี้อ้อน
เพื่อนที่อยู่รอบกายเรา เราจะมีคนที่เราไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ เป็นพิเศษ ก็เพราะไอ้เพื่อนคนนี้ชอบนินทาดาราเหมือนกัน ไปไหนก็ชอบซื้อของมาฝาก
อาจารย์ก็เป็นคนเหมือนกัน ครั้งแรกทุกคนที่เข้าส่งโปรเจ็กอาจารย์ ความรักความชอบของอาจารย์จะเท่าๆกัน หรือใกล้เคียงกัน แต่ถ้าทุกๆครั้งที่เราไปหาอาจารย์เราพยายามมองว่าอาจารย์ชอบอะไรเป็นพิเศษ เราก็ซื้อติดไม้ติดมือไปฝากอาจารย์บ้าง แรกๆอาจจะลงทุนซื้อหนังสือ บอกว่าอ่านแล้วชอบเลยเอามาฝากอาจารย์ อาจารย์จะอ่านหรือไม่อ่านไม่ใช่สาระสำคัญ สำคัญคือการสร้างความสนิทสนมให้เกิดขึ้นระหว่างเรากับอาจารย์ ถ้าคิดของฝากไม่ออก ก็ซื้อซุปไก่สกัดบ้าง รังนกบ้าง ขวดสองขวดซื้อไปเหอะ ความสนิทสนมที่เกิดระหว่างเรากับอาจารย์จะเป็นประโยชน์ต่อเราอย่างมา เพราะเวลาถามอะไรแกก็อยากตอบ เหมือนลูกเหมือนหลาน อยากให้อาจารย์แนะนำอะไร ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงแกก็จะบอก หรือมีอะไรผิดพลาดบ้างแกก็ให้ผ่านได้ไม่ยากนัก
คุ้มครับเชื่อผม ลงทุนซื้อของฝากอาจารย์ตลอดระยะการส่งโปรเจ็ก ไม่กี่บาทหรอก คุ้ม
มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง เมื่อหลายปีก่อนนู้นมีไอ้น้องเรียนจุฬาคนหนึ่ง จ้างให้ผมเป็นที่ปรึกษาโปรเจ็ก ผมก็แนะนำไปว่า นอกจากคุณจะตั้งใจเขียนโปรเจ็กแล้ว สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำคือ ไปหาอาจารย์บ่อยๆ อย่าขาด ไม่มีไรก็ให้ไปหาไปคุย แล้วตอนไปให้ซื้อของติดไม้ติดมือไปด้วยเสมอ ให้ถือเป็นหน้าที่ๆจะต้องทำ ผมบอกว่าคุณเลือกไม่ทำอย่างที่ผมบอกก็ได้นะ แต่งานคุณก็จะลำบากเหมือนๆกับคนอื่น คุณมันต้องเอาใจอาจารย์ให้เป็นพิเศษ ลองคิดดู เพื่อนคุณๆยังสนิทไม่เท่ากันเลย ทำไมล่ะ? แล้วถ้าระหว่างไอ้เพื่อนที่สนิทกับไม่สนิทมาวานให้คุณสอนคณิตฯ คุณอยากสอนใคร เหมือนกัน อาจารย์ก็เป็นอย่างนั้น โปรเจ็กมันจะง่ายขึ้นแล้ว
ไอ้น้องคนนี้มันก็ไปทำ ตั้งใจทำด้วย ไหพบอาจารย์บ่อย เอาของไปฝาก ตอนแรกอาจารย์ไม่รับ ผมบอกวันหลังเอาไปให้ใหม่ ถ้าไม่รับอีกก็เอาไปให้อีก เอาไปฝากจนกว่าแกจะรับ หลังจากเอาไปฝากสองครั้งมั้งอาจารย์ก็รับ แล้วหลังจากนั้นมาอีกระยะหนึ่ง การตรวจโปรเจ็กของอาจารย์ก็ง่ายขึ้นมา น้องเล่าว่า อาจารย์แกก็แนะนำดี คุยง่ายมากกว่าเมื่อก่อนมาก
สุดท้ายไอ้น้องคนนี้ทำโปรเจ็กจนผ่าน จากตอนที่เจอผมมันบอกจะผูกคอตายเพราะเครียดเรื่องโปเจ็ก ทำไม่นาน ผ่าน แล้ววันหนึ่งก่อนที่จะได้รับปริญญามันก็มีเรื่องเครียดอีก น้องมันบอก เน็กเทคมาจองตัว และมีธนาคารมาจองตัว จะให้ไปเป็นโปรแกรมเมอร์ที่บริษัท ไม่รู้จะเลือกอันไหนดี ผมถามเงินเดือนที่จะได้แล้วถึงกับส่ายหน้า “เด็กจบใหม่ เยอะกว่าตรูอีก” ไปเครียดที่อื่นเลยไป
ขอลีลาในการใช้ชีวิตจงเกิดแก่ท่าน
วัชรเมธน์ ชิษณุคุปต์ ศรีเนธิโรทัย
Email : admin@select2web.com
http://www.select2web.com/general/programmer-road-4.html
เส้นทางสู่โปรแกรมเมอร์ – ตอนที่ 4 เลียไข่อาจารย์