รู้เท่าทันโรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน ถือเป็นโรคเรื้อรังยอดฮิต 1 ใน 10ที่มีคนไทยป่วยเป็นโรคนี้กันมาก แถมยังพบได้ในทุกช่วงวัยไม่ว่าจะวัยรุ่น วัยกลางคนก็มีสิทธิเป็นโรคนี้ได้ สาเหตุหลักๆ ของผู้ป่วยโรคนี้เกิดจากการทำงานของ ฮอร์โมนอินซูลินในร่างกายทำงานผิดปกติทำให้เสียความสมดุลในการใช้น้ำตาลในเลือด จึงเกิดน้ำตาลในกระแสเลือดสูง

โรคเบาหวาน

เพราะตามปกติแล้วร่างกายมนุษย์เราๆนั้น เมื่อรับประทานอาหารเข้าไปส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดเพื่อใช้เป็นพลังงาน เสริมสร้างร่างกาย เจ้าเซลล์ตัวอ่อนที่ชื่อเบต้าเซลล์จะเป็นตัวสร้างอินซูลิน เพื่อนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์ เพื่อเผาผลาญพลังงานในการใช้ชีวิต
แต่โรคเบาหวานนี้ เป็นภาวะที่น้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เพราะขาดฮอร์โมนอินซูลินทำให้น้ำตาลในเลือดสูง เมื่อขาดอินซูลินทำให้ร่างกายใช้น้ำตาลไม่ได้ จึงทำร่างกายทำงานผิดปกติ จนเกิดภาวะแทรกซ้อน ต่างๆขึ้นได้ คล้ายๆ กับระบบปั้มน้ำ สมมุติน้ำในระบบคือเลือด แต่ปั๊มน้ำดันทำงานผิดปกติ เพราะมีน้ำตาลในเลือดมาก (คล้าย ๆ มีน้ำตาลในน้ำมากไปจึงทำให้ข้นหนืดขึ้น)
ทำให้ปั้มน้ำทำงานหนัก ท่อน้ำ หรือหลอดเลือดต้องรับแรงดันเยอะ จึงทำให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเกิดโรคแทรกซ้อนกับอวัยวะต่างๆ ได้ง่าย เพราะร่างกายทรุดทำงานได้ไม่เต็มที่ หรืออวัยวะบางอย่างทำงานจนเกินไปทำให้ล้า โรคแทรกซ้อนจึงมาบุกทำลายอวัยวะนั้น ๆ ได้ง่าย ซึ่งประเภทของเบาหวานจะมี 2 ชนิด
1. โรคเบาหวานที่เกิดจากร่างกายทำลายเซลล์
มีการสร้างอินซูลินได้น้อย เป็นโรคภูมิต้านทานตัวเอง หรือออโตอิมมูน ผู้ป่วยจำพวกนี้ต้องฉีดอินซูลินเพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือดตลอดไป ถ้ารุ่นแรงมาก จะทำให้เกิดการคั่งของสารคีโตน ทำให้มีผลกระทบต่อระบบประสาทและหมดสติจนถึงแก่ชีวิตได้
2. โรคเบาหวาน ที่พบกันส่วนใหญ่
เช่นพันธุกรรม น้ำหนักเกิน ขาดการออกกำลังกาย เซลล์ของผู้ป่วยยังคงมีการสร้างอินซูลินแต่ทำงานไม่เป็นปกติ เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้เซลล์สร้างอินซูลินถูกทำลาย ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคแทรกซ้อนได้ง่าย

ผู้ที่มีโอกาสเป็นเบาหวาน

คือคนที่น้ำหนักเกิน หรืออ้วนไม่ออกกำลังกาย แถมโรคนี้ยังสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้อีก เช่นหากใครมีพ่อ แม่ พี่ น้องเป็น ก็มีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้ง่าย

อาการที่กำเริบของโรคเบาหวาน

1. เริ่มแรกจากน้ำหนักตัวที่คงที่จะเริ่ม ลดลง
2. มีอาการหิวบ่อยกินเก่ง ดื่มน้ำเก่ง
3. ปัสสาวะได้บ่อยขึ้นไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน เพราะน้ำตาลค้างในเลือดมาก ทำให้ไตทำงานหนักจึงต้องกรองออกมาในปัสสาวะ
4. เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ไม่มีแรง สายตาพร่ามองไม่เห็น และชาไม่ค่อยมีความรู้สึก เพราะเบาหวานไปทำลายเส้นประสาท ความสามารถการรับรู้ความรู้สึกจึงถดถอยลง
5. และยังมีโอกาสเสี่ยงกับการเป็นโรคแทรกซ้อนจำพวก แผลที่เท้า โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด สมองขาดเลือด โรคหัวใจ และโรคไต
วิธีการรักษาเบาหวานเบื้องต้น คือ ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ควบคุมอาหารไม่ทานคอเลสเตอรอลสูง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และงดสูบบุหรี่ จะช่วยควบคุมไม่ให้เสี่ยงกับการเป็นโรคแทรกซ้อนได้ค่ะ
เพราะผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานนี้แผลจะหายได้ช้า เพราะหลอดเลือดแข็งและตีบ ถ้าอวัยวะส่วนไหนตีบจะทำให้มีโรคแทรกซ้อนส่วนนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบประสาท ตา ไต หัวใจและหลอดเลือด ผิวหนัง และช่องปาก ผู้ป่วยจึงต้องดูแลตนเองให้ดีๆ ไม่ว่าจะเป็นควบคุมความดัน ระดับไขมันในเลือด ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกาย และควบคุมระดับน้ำตาลและไม่ควรทานอาหารหวานทุกชนิด

หากสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคเบาหวาน ควรได้รับการตรวจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อได้รับการดูแลรักษา และได้รับการแนะนำการใช้ชีวิตอย่างถูกวิธีนะคะ