โดย…ภาพ กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย
แม้ไทยจะไม่มีสิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่ใช่ว่าจะไม่มีสิ่งมหัศจรรย์ในเมืองไทย เช่น ในปี 2557 เว็บไซต์ 7 WondersThailand.com ได้เผยรายชื่อสิ่งมหัศจรรย์ 7 แห่งในประเทศไทย จากการโหวตผ่านเว็บไซต์
ผลการโหวตอาจไม่ใช่การตัดสินใจของคนทั้งประเทศ แต่ก็เป็นอีกข้อมูลที่ทำให้ทราบว่า “เมืองไทยก็มีด้วย”
อันดับ 1 สวรรค์ใต้ทะเล หมู่เกาะสิมิลัน
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อยู่ในเขต จ.พังงา ประกอบด้วย 9 เกาะ ได้แก่ เกาะหูยง ปายัง ปาหยัน เมี่ยง (เกาะนี้มี 2 เกาะ) ปายู หัวกะโหลกหรือเกาะบอน สิมิลัน และบางู
สิ่งที่ถูกโหวตให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ คือ ความสวยงามใต้ท้องทะเล สำหรับการดำน้ำลึกมีที่เกาะบอนเป็นจุดพบปลากระเบนราหู ฉลามครีบขาว ฉลามกบ และฉลามวาฬ มากที่สุด เกาะบางูมีจุดดำน้ำที่กองหินคริสต์มาสจะพบปะการัง กัลปังหา กองหินรูปร่างประหลาด และปลาไหลริบบิ้นสีฟ้า และบริเวณเหนือสุดของอุทยานที่เกาะตาชัยพบปลาสาก ปลาค้างคาว ปลากระเบนราหู และฉลามวาฬ ส่วนจุดดำน้ำตื้นมีที่อ่าวลึกและอ่าวกวางเอง
นักท่องเที่ยวจะได้เข้าไปสำรวจอีกครั้งในเดือน พ.ย.-เม.ย.ปีหน้า 6 เดือน ที่มากพอให้ไปสัมผัสสวรรค์ด้วยตา
อันดับ 2 ขุนเขารูปหัวใจ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย มีลักษณะเป็นรูปหัวใจเบี้ยวๆ หากมองในมุมเบิร์ดอายวิว ถ้ามองในแนวราบจะไม่รู้ตัวเลยว่าได้อยู่ใจกลางหัวใจของธรรมชาติแล้ว
ภูกระดึงมักเป็นเส้นทางแรกๆ ของนักท่องเที่ยวที่คิดจะเดินป่า ด้วยความพร้อมของบ้านพัก เต็นท์ ร้านอาหาร และลูกหาบ ทำให้นักท่องเที่ยวเบาใจเรื่องที่อยู่การกินไปได้ ระยะทางเดินขึ้นเขาประมาณ 5 กิโลเมตร ทำให้เหมาะแก่การประเดิม
ด้านบนของภูกระดึงเป็นลานหินกว้าง เรียกว่า ผาหล่มสัก เป็นจุดกางเต็นท์และจุดชมพระอาทิตย์ตกที่ดีที่สุด ส่วนจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ที่ผานกแอ่น ในแต่ละวันทางอุทยานจะจำกัดนักท่องเที่ยวไม่เกิน 5,000 คน กางเต็นท์ได้ไม่เกิน 200 หลัง โดยในช่วงฤดูฝนเดือน มิ.ย.ก.ย.ของทุกปี อุทยานจะปิดชั่วคราวเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัว
อันดับ 3 สโตนเฮนจ์เมืองไทย มอหินขาว
แท่งหินทรายสีขาวกลางทุ่งหญ้าในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคามักถูกนำไปเปรียบกับสโตนเฮนจ์ ประเทศอังกฤษ ความดังของมันทำให้คนพอนึกออกว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่มอหินขาวมีมากกว่าและรูปร่างประหลาด
มอหินขาวมีอายุประมาณเกือบ 200 ล้านปี มีกลุ่มหินที่น่าสนใจอย่างหินเจดีย์โขลงช้าง หินต้นไทร หินล้านปี และจุดชมวิวผาหัวนาค ความขาวของหินทรายจะเปล่งประกายยามเช้าตรู่เมื่อแสงอาทิตย์อ่อนๆ ส่องมา และยามค่ำของคืนพระจันทร์เต็มดวง หินจะเปล่งสีนวลเหมือนแสงจันทร์ ด้านบนบริเวณกลุ่มหินชุดแรกสามารถกางเต็นท์ได้ เป็นอีกบรรยากาศสำหรับการนอนในอุทยานแห่งชาติที่ล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้าและหินสีขาวแทนพงไพร
อันดับ 4 พระพุทธรูปองค์ใหญ่ หลวงพ่อโต
พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะแบบอู่ทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตร สูง 19.13 เมตร เป็นลักษณะของหลวงพ่อโตในพระวิหารวัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปนั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นจนถึงปัจจุบัน ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารที่สร้างขึ้นภายหลัง ด้านข้างองค์พระมีพระอัครสาวกอยู่ซ้ายและขวา และผนังทั้งสี่ด้านของพระวิหารเจาะเป็นช่องประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดเล็กจำนวน 8.4 หมื่นองค์ เท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์
วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสักทางทิศใต้ มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา และเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวอยุธยามาช้านาน
อันดับ 5 ท้องฟ้าจำลองที่ทันสมัยที่สุดในเออีซี ศูนย์วิทยาศาสตร์และการศึกษา รังสิต
แม้ภายนอกจะดูไม่ทันสมัยและนิทรรศการถาวรด้านในยังขัดข้องบางจุด แต่ท้องฟ้าจำลองนั้นต่างออกไป เพราะทั้งใหม่และทันสมัยกว่าใครในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ท้องฟ้าจำลอง รังสิต เป็นห้องฉายดาวแบบโดมเอียง สามารถฉายภาพยนตร์แบบไอแม็กซ์ได้ มีที่นั่งทั้งหมด 160 ที่นั่ง โดยจะเปิดการแสดงวันละ 6 รอบ วันเสาร์วันอาทิตย์เพิ่มรอบพิเศษ 1 รอบ เรื่องที่นำเสนอมีทั้งเรื่องดวงดาว การกำเนิดสิ่งมีชีวิต และนักดาราศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีหอดูดาวแบบโดม พร้อมกล้องขนาด 16 นิ้ว กล้องแบบนิวโทเทียม 16 นิ้ว และกล้องหักเหแสง 4 นิ้ว ให้เข้าชมในเวลาทำการ
อันดับ 6 จุดสูงสุดในประเทศไทย ยอดดอยอินทนนท์
ยอดดอยอินทนนท์จุดสูงสุดในสยาม อยู่ที่ระดับ 2,565.3341 เมตร จากระดับน้ำทะเล ดอยอินทนนท์เป็นจุดสิ้นสุดของเทือกเขาหิมาลัยที่เริ่มจากประเทศเนปาล ภูฏาน พม่า และจบที่ไทยที่ จ.เชียงใหม่
ด้วยความสูงทำให้บนยอดมีอากาศเย็นตลอดปีและหนาวจัดในช่วงเดือน ธ.ค.ม.ค นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมป่าดิบชื้นและกลุ่มหมอกยามเช้าได้ตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ มีจุดสำคัญคือสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่พระองค์สุดท้าย นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อที่พักในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เพื่อชมดาวยามค่ำคืนและสัมผัสอากาศหนาว ณ จุดที่สูงที่สุดในประเทศไทย
อันดับ 7 ท่องป่าดึกดำบรรพ์ หุบป่าตาด
เดินๆ อยู่แล้วกลัวไดโนเสาร์โผล่ออกมา เพราะบรรยากาศป่าดึกดำบรรพ์ที่หุบป่าตาด จ.อุทัยธานี มันเหมือนฉากในหนังจูราสสิค พาร์ค ไม่มีผิด ทั้งต้นตาด เต่าร้าง ขนุนดิน เปล้า และคัดเค้าเล็ก เป็นไม้หายาก จึงตื่นตากว่าป่าทั่วไป
หุบป่าตาดเป็นถ้ำในหุบเขา ค้นพบโดยพระครูสันติธรรมโกศล เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง เป็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยต้นตาด และเมื่อปี 2527 ได้มีการเจาะถ้ำเข้าไป ด้านในเป็นป่าดิบชื้นมืดสนิท ยกเว้นจุดที่เป็นปล่องในเวลาเที่ยงวันแสงจะตั้งฉากส่องถึงพื้น ระยะทางเดินไปและกลับประมาณ 700 เมตร นักท่องเที่ยวต้องเตรียมไฟฉายและยากันยุงติดตัวไปด้วย
7 สิ่งมหัศจรรย์ในไทย ปี 2557
(ข้อมูลจากเว็บไซต์ 7WondersThailand.com)
1.สวรรค์ใต้ทะเล อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา เปิดเดือน พ.ย.-เม.ย. ติดต่ออุทยานฯ โทร.07-645-3272
2.ขุนเขารูปหัวใจ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย เปิดเดือน ต.ค.-พ.ค. ติดต่ออุทยานฯ โทร.04-287-1333, 04-287-1458
3.สโตนเฮนจ์เมืองไทย มอหินขาว อุทยานแห่งชาติภูแลนคา จ.ชัยภูมิ เที่ยวได้ทั้งปี ติดต่ออุทยานฯ โทร.04-481-09023
4.หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดทุกวันเวลา 08.00-17.00 น.
5.ท้องฟ้าจำลองที่ทันสมัยที่สุดในเออีซี ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา รังสิต เปิดวันอังคารอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. ติดต่อศูนย์ฯ โทร.02-577-5456-9 ต่อ 305 เว็บไซต์ rscience.go.th
6.จุดสูงสุดในสยาม ยอดดอยอินทนนท์ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เที่ยวได้ทั้งปี ติดต่ออุทยานฯ โทร.05-335-5728, 05-331-1608
7.ท่องป่าดึกดำบรรพ์ หุบป่าตาด ดูแลโดยเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน จ.อุทัยธานี เปิดทุกวันเวลา 08.30-16.30 น. โทร.05-698-9128
7 สิ่งมหัศจรรย์ในเมืองไทย ไม่ใหม่แต่เพิ่งรู้….
http://www.posttoday.com/กิน-เที่ยว/เที่ยวทั่วไทย/310965/7-สิ่งมหัศจรรย์ในเมืองไทย-ไม่ใหม่แต่เพิ่งรู้