ถ้าเราจะพูดถึงคำว่า IQ และ EQ สองคำนี้เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ว่ายังมีคิวอีกประเภทหนึ่งที่มีความสำคัญมากพอๆ กัน โดยเฉพาะสำหรับคนทำงานในยุคสมัยนี้นั่นก็คือ AQ หรือ Adversity Quotient
AQ คืออะไร ?
AQ หรือ Adversity Quotient คือ ความสามารถทางทักษะด้านการแก้ไขปัญหา รวมถึงการเผชิญหน้ากับวิกฤติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งทางกาย และทางใจ ให้เราสามารถเอาชนะ และก้าวข้ามผ่านอุปสรรคที่พบเจอทั้งหมดได้ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต หรือสถานการณ์ลำบาก หากมี AQ เราจะสามารถแก้ไขปัญหา หรือสถานการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ที่พบเจอได้เป็นอย่างดี
AQ สำคัญมีความสำคัญในการทำงานอย่างไร ?
องค์กรเกือบทุกองค์กรในอดีต มักจะมีแบบทดสอบพนักงานในองค์กร เพื่อทดทสอบความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ว่ามีความสามารถในการควบคุม อารมณ์ของตนเองได้ในระดับไหน และแบบทดสอบ (IQ) เพื่อวัดระดับความสามารถ ความฉลาดทางสติปัญญา นั่นก็เพราะว่า 2 ปัจจัยนี้มีความสำคัญ เป็นผลกระทบหลักกับการจัดการ บริหารพนักงานในองค์กร แต่เมื่อโลกของเรามีวิวัฒนาการ และเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง อีกทั้งความสำคัญขององค์ประกอบโดยรวม ก็เป็นองค์ประกอบที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น สถานการณ์ COVID-19 , สถานการณ์ในด้านการเมือง และเศรษฐกิจ เหตุการณ์เหล่านี้สร้างผลกระทบอย่างมหาศาลกับองค์กรทุกภาคส่วน
รวมถึงสร้างความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มลูกค้า ทำให้ทักษะด้าน AQ จึงกลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่บริษัทเริ่มเข้ามาให้ความสนใจ เพื่อใช้ในการคัดเลือกบุคลากร ที่ต้องการคุณภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถนำมาใช้รับมือแก้ปัญหา ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ผู้ที่มี IQ และ EQ สูง ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหา ในเชิงลึกได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์
ทำความรู้จักการแบ่งกลุ่มของ AQ ทั้ง 3 ประเภท ได้แก่
Quitter ผู้ที่มีทัศนคติเชิงลบ
กลุ่มคนประเภทนี้ มักจะมีคำพูดติดปากว่า “ไม่” อย่างเช่น เราทำไม่ได้หรอก , เราไม่มีความรู้ , เราไม่มีเงินทุน หรือเราไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เป็นต้น และไม่ว่าจะเผชิญกับอุปสรรคหรือปัญหาใดก็ตาม มักจะมองว่าสิ่งเหล่านั้นยากเกินความสามารถ ที่ตนเองจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ เมื่อเริ่มต้นด้วยคำว่า “ไม่” ก็ทำให้เกิดความท้อแท้ หมดความรู้สึกในการพยายาม ไม่คิดที่จะสู้ต่อ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีทางที่ จะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้เลย หากมีบุคลากรที่เป็นคนประเภทนี้ มักจะทำให้องค์กรไม่มีความก้าวหน้า และอาจส่งผลให้องค์กรมีคุณภาพถดถอยลงในที่สุด
Camper ผู้ที่มีระดับการแก้ปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง
เวลาพบเจอปัญหาที่เข้ามาในชีวิต พวกเขาก็จะพยายามแก้ปัญหาในระดับหนึ่ง แต่ว่าเมื่อปัญหานั้นไม่สามารถแก้ไขได้ พวกเขาก็จะเริ่มท้อ และเริ่มปล่อยปัญหาทิ้งไว้ คนประเภทนี้มักจะไม่ค่อยชื่นชอบความท้าทายกับสิ่งใหม่ และอยู่ในกรอบความปลอดภัยของตนเอง เมื่อมีบุคลากรอยู่ในองค์กร ก็จะสามารถสร้างผลงานได้ในระดับปานกลาง แต่ว่าก็ยังมีโอกาสที่จะพัฒนาได้ ถ้าหากมีผู้บริหารที่มีศักยภาพมากพอ ผู้บริหารอาจจะช่วยมอบหมายงานที่มีระดับความยาก และความท้าทายให้ได้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้พวกเขาได้ฝึกฝนตนเอง และยังเพิ่มการมอบคำชมเพื่อเป็นกำลังใจ และการมอบรางวัลจูงใจต่าง ๆ เพื่อเป็นสิ่งท้าทายในการก้าวข้ามตนเอง ก็ถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งตัวช่วยที่สามารถช่วยได้เป็นอย่างมาก
Climber ผู้ที่มีทักษะในด้านการแก้ปัญหาในระดับสูง
คนกลุ่มนี้ไม่ว่าจะพบเจอกับปัญหาที่ถาโถมมามากเท่าไหร่ หรือไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากมายสักเพียงใด แม้แต่ความท้าทายใหม่ๆ ที่มีความเสี่ยงเข้ามามากแค่ไหน พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ คนกลุ่มนี้มักจะมองว่าทุกอย่างเราสามารถก้าวข้ามมันไปได้ พวกเขามีกำลังใจอย่างเต็มที่ และไม่มีความย่อท้อใดทั้งสิ้น มีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างจนประสบความสำเร็จ คนกลุ่มนี้มีจำนวนไม่มากนัก แต่ถ้าองค์กรใดได้เป็นพนักงานแล้วล่ะก็ องค์กรนั้นจะประสบความสำเร็จ และก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก นี่คือกลุ่มพนักงานที่องค์กรทั้งหลาย ต่างพยายามตามหากันมากที่สุด เพราะมีความพัฒนา พร้อมเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นนั่นเอง
4 ขั้นตอนไม่ยาก ในการพัฒนา AQ ให้ตนเอง
L หรือ Listen to your adversity response
สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อพบกับปัญหา นั่นคือ จำเป็นจะต้องตั้งสติให้มากที่สุด จากนั้นให้ลองทำการคิดว่า เรารู้สึกอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น ปัญหาตอนนี้ที่เกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่ แล้วคิดว่าเราจะแก้ปัญหานั้นอย่างไรดี ขั้นตอนนี้ควรให้เวลาตนเองให้มาก ค่อยคิดและค่อยตัดสินใจ แต่จงจำไว้ว่า ทุกปัญหาย่อมมีทางออก
E หรือ Establish Accountability
หลายคนเวลาที่เจอกับปัญหาที่พุ่งเข้ามา มักจะไม่มองถึงเหตุผลความเป็นจริงว่า เกิดจากสิ่งใด และมักจะโทษในโชคชะตาของตนเอง ดินฟ้าอากาศ หรือโทษว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะคนอื่น พวกเขาจึงไม่พยายามที่จะลงมือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนั้นในความเป็นจริง ทุกคนจะต้องมองว่าปัญหาเหล่านั้น เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นคือปัญหา ที่เราจำเป็นต้องแก้ไขเสียก่อน เราถึงจะสามารถเริ่มต้นที่จะลงมือแก้ไขได้ และเราควรมองว่า พวกปัญหาที่เกิดขึ้นจะสร้างผลกระทบ แบบภาพรวมอย่างไรบ้าง เช่น องค์กรที่เราทำงานให้ จะมียอดขายตกต่ำลง เพราะอะไร เกิดจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ถ้าหากว่า เรามัวแต่โทษโชคชะตา และคิดว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เราก็จะไม่พยายามทำอะไรทั้งสิ้น ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ไม่มีทางแก้ได้เลย
และสิ่งที่ตามมามันจะส่งผลกระทบของเราโดยตรง นั่นก็คือ รายได้ลดลง อาจจะเป็นเรื่องของเงินโบนัส หรืออาจส่งผลต่อเรื่องของเงินเดือนที่มีการหักน้อยลง จนถึงขั้นร้ายแรงอาจทำให้คุณจะถูกยุติพักการทำงาน เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้รับรองว่า จะกลายเป็นผลกระทบอย่างแรงกับเราอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นนี่คือปัญหาของเรา ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นและไม่สามารถแก้ไขได้ หรือสามารถหลีกเลี่ยงได้ เราจำเป็นจะต้องหาวิธีแก้ไข เช่น เพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มให้มากยิ่งขึ้น หรือพยายามคิดโปรโมชั่นน่าสนใจ น่าดึงดูดในการขายสินค้าของทางองค์กร ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นการบอกให้ทุกคนพยายามเชื่อว่า ทุกปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ไม่มีผลกระทบต่อเรา เราควรจะพยายามแก้ไขมันทั้งหมด
A หรือ Analyze the evidence
หลายครั้งเมื่อเกิดปัญหาขึ้น และดูเหมือนว่ามันจะยากเกินแก้ไข หลายคนรู้สึกท้อแท้และถอดใจ ไม่พยายามแก้ปัญหาเหล่านั้น เราจึงขอแนะนำว่า ให้คุณทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นเสียก่อนว่า มันมีทางแก้ไขได้หรือไม่ มีอะไรที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แล้วมีอะไรที่สามารถกำหนดแนวทาง เพื่อแก้ไขได้ ในข้อนี้คนประเภท quitter ที่มีทัศนคติเชิงลบคงจะเริ่มถอดใจ และพยายามคิดหาเหตุผล 108 ประการ เพื่อ support ตัวเองว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ส่วนคนประเภท climber จะพยายามมองหาความเป็นไปได้ รวมถึงเหตุและผล เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ว่าในบางครั้งอาจจะแก้ไขได้ไม่สำเร็จ แต่พวกเขาก็ได้ลองพยายามทำอย่างที่สุดแล้ว สิ่งที่ได้ก็คือประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา เพราะฉะนั้นเราควรปรับเปลี่ยนทัศนคติว่า ทุกปัญหาสามารถมีทางแก้ไข
D หรือ Do something
ขั้นตอนสุดท้ายในการแก้ไขปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้น นั่นก็คือ การลงมือทำจริง มีความพยายามในการที่จะทำ คุณต้องพยายามให้มากที่สุดในการแก้ไข ปัญหาทั้งหลายที่ถาโถมเข้ามาและคิดหาทางออกในมุมมองต่างๆ ไม่ใช่เป็นแค่ในมุมมองของตนเองเท่านั้น เราอาจแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ไม่สำเร็จในครั้งแรก แต่เราได้ลองลงมือ ลองคิดวิธีการแก้ไขแล้ว เราอาจจะสามารถรับรู้ถึงวิธีแก้ไขใหม่ได้มากขึ้น และอาจเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่สามารถนำไปใช้ในด้านอื่นได้ เพราะฉะนั้นในบทสรุปแล้วเราอาจจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้จริง เพียงแค่เราเปิดใจ เผชิญกับความหวาดกลัว และลงมือทำบางสิ่งบางอย่างอย่างไม่ลังเล
ทำอย่างไรให้เด็ก มี AQ เพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันโลก และสังคมของเรากำลังเติบโต และเปลี่ยนแปลงเร็วมากขึ้น เพราะฉะนั้นในบางครั้งอาจมีปัญหาในหลากรูปแบบ เข้ามาในทุกขณะ โดยที่เราไม่ตั้งตัว เพราะฉะนั้นเราควรเตรียมพร้อม ในเรื่องการแก้ไขปัญหาที่เราไม่อาจทราบได้ ควรเรียมพร้อมให้กับเด็ก ทำให้ในเรื่องของการพัฒนาทักษะ AQ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก และนี่คือวิธีการที่ช่วยให้เด็ก ของเรามี AQ เพิ่มมากยิ่งขึ้น ดังเช่น
- การดูแลเรื่องการเลี้ยงดู
โดยทั่วไปแล้วเหล่าเด็กน้อยทุกคน ต้องการการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อมหรือแม้แต่คุณภาพทางด้านจิตใจ เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจในการดูแลลูก อาหารที่มีคุณประโยชน์ นอกจากเรื่องของความใส่ใจทางด้านร่างกาย เราจะต้องทำให้ลูกรู้สึกถึงความปลอดภัย และรู้สึกถึงความรักมากที่สุด พวกเขาจะเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติสมวัย และมีจิตใจแจ่มใส จากการมอบความรัก แต่ไม่ใช่การประคบประหงมมากจนเกินไป
- มอบมุมมองความคิดในแค่บวก
พยายามเป็นแบบอย่างในเรื่องมุมมองความคิดในแง่บวก และเรื่องของทัศนคติฝึกให้เขารู้จักสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว และเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างมากที่สุด รู้จักการวางตัว กาลเทศะที่ดีในการเข้าสังคม นอกจากนี้พยายามให้เขาลงมือทำสิ่งแปลกใหม่ ด้วยตนเองเพื่อฝึกการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง เช่น การเก็บของเล่น การทำความสะอาดเมื่อทำบางอย่างเลอะ การอาบน้ำ เข้าห้องน้ำ การสวมเสื้อผ้า หรือสวมรองเท้าด้วยตนเอง สิ่งเหล่านี้จะทำให้เด็กสามารถพึ่งพาตนเองได้ เมื่อเผชิญปัญหา เด็กจะสามารถแก้ไขได้
- เสริมสร้างด้วยอุปกรณ์เสริม
พยายามหาของเล่นที่ส่งเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ และสร้างความพยายามให้มากที่สุด เช่น ตัวต่อเลโก้ จิ๊กซอว์ ตัวต่อไม้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มสมาธิ และความอดทนในการพยายาม ที่จะสามารถไปสู่เป้าหมายเพื่อให้ประสบความสำเร็จ นี่คือวิธีที่ไม่ยากสำหรับการช่วยให้ลูกของ เหล่าคุณพ่อคุณแม่พัฒนาความคิด การวิเคราะห์ และฝึกฝนเพื่อเพิ่ม AQ ทำงานให้มากที่สุด รับรองว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยลูกหลานของคุณ มีพัฒนาการได้อย่างมากแน่นอน
ข้อมูลข้างต้นทำให้เห็นได้เลยว่า ทักษะในด้านของ AQ ถือเป็นทักษะสำหรับมากในยุคนี้ ยิ่งอยู่ในยุคสมัยใหม่มากแค่ไหน มมีเทคโนโลยีล้ำหน้ามากเพียงใด ยิ่งต้องเตรียมรับมือกับปัญหารอบตัวให้ได้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันตนเองจากปัญหาร้ายแรง อีกทั้งยังเพิ่มประสบการณ์ชีวิต ทำให้สามารถพาตนเองไปสู่ประตูแห่งความสำเร็จได้ไม่ยาก พร้อมทั้งจากงานวิจัย ผู้ที่มี AQ สูง ถือเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เชื่อว่าทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้ จะสามารถนำไปใช้เพิ่มพูนทักษะ และพัฒนาทักษะนี้ให้กับบุตรหลานได้ไม่ยาก