น้ำมันปลาต่างกับน้ำมันตับปลาอย่างไร

06 Oct 2014

327

จากความใกล้เคียงกันของชื่อ ทำให้มีผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดกันอย่างมาก คิดว่าน้ำมันปลา และน้ำมันตับปลา คือ สารอาหารชนิดเดียวกัน แม้ว่าทั้งน้ำมันปลา และน้ำมันตับปลาจะเป็นสารอาหารที่ได้จากปลา แต่ก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของสารอาหารที่เป็นส่วนประกอบ และความปลอดภัยในการรับประทาน

ตารางด้านล่างนี้จะแสดงข้อมูลเปรียบเทียบคุณสมบัติของน้ำมันปลา และน้ำมันตับปลาในด้านต่างๆ

ความแตกต่าง	น้ำมันปลา (Fish oil)	น้ำมันตับปลา (Cod liver oil)
1. แหล่งที่มา	ไขมันปลา	ตับปลา
2. สารอาหารที่ได้รับ	กรดไขมันโอเมก้า-3 คือ EPA, DHA	วิตามินA และ วิตามิน D
3.ประโยชน์	ลดไตรกลีเซอไรด์ ป้องกันภาวะสมอง และหัวใจขาดเลือด บำรุงสมอง และสายตา ลดอาการข้อเสื่อม และข้อรูมาตอยด์	ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของกระดูก ทำให้การสร้างกระดูกเป็นไปอย่างปกติ และนิยมใช้ในเด็ก
4.ความปลอดภัย	มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่มีองค์ประกอบของวิตามินที่ละลายในไขมัน จึงไม่มีผลต่อการทำงานของตับ	การได้รับวิตามิน A, D ในปริมาณที่มากเกินความเหมาะสม จะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ตับ และระบบประสาททำงานผิดปกติ จึงไม่ควรซื้อน้ำมันตับปลาให้เด็กทานเป็นประจำ นอกจากแพทย์สั่งเพราะยาจะสะสมในร่างกายจนทำให้เกิดอันตรายได้
5.สารปนเปื้อน	สารปนเปื้อนมักจะสะสมในบริเวณเนื้อปลา แต่การสกัดน้ำมันปลาด้วยมาตรฐานการผลิตที่ดีได้รับการรับรองจากสถาบันที่มี ความน่าเชื่อถือ เช่น การผลิตด้วยมาตาฐานยา จะช่วยลดโอกาสการปนเปื้อนของโลหะหนักได้	ตับเป็นอวัยวะที่คอยกำจัดสารพิษ ดังนั้นน้ำมันที่ได้จากตับ จึงมีความเสี่ยงที่จะพบสารปนเปื้อนพวกโลหะหนักต่างๆ สูง
6.บุคคลที่แนะนำให้รับประทาน	เด็ก วัยทำงาน ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ และหญิงให้นมบุตร	เหมาะสำหรับคนทั่วไป ไม่แนะนำในหญิงตั้งครรภ์ เพราะวิตามิน A ปริมาณสูงอาจทำให้เกิดความผิดปกติของเด็กในครรภ์

ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารเพื่อให้ได้กรดไขมันโอเมก้า-3 (EPA+DHA) ที่มีความปลอดภัย และให้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพนนั้น ควรรับประทานจากน้ำมันปลาที่ผลิตภายใต้มาตรฐานการผลิตยา เริ่มตั้งแต่การคัดสรรแหล่งวัตถุดิบที่ปราศจากมลภาวะปนเปื้อน และมีกระบวนการผลิตผ่านมาตรฐานยุโรปและออสเตรเลีย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาที่รับประทานจะให้กรดไขมันโอเมก้า-3 ปริมาณสูง และปราศจากสารปนเปื้อน การแต่งสี แต่งกลิ่น เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว

เอกสารอ้างอิง