เมื่อลูกเริ่มโตขึ้น การเรียนรู้ก็ย่อมมีมากขึ้นไปด้วย แต่การเรียนภายในห้องเรียนอย่างเดียวอาจไม่ได้พัฒนาทักษะของลูกอย่างที่เราต้องการ แต่จะเลือกกิจกรรมแบบไหนที่นะ ที่ลูกจะชอบด้วย และได้เรียนรู้ไปในตัว วันนี้ clonedbabies.com มีกิจกรรมดี ๆ มาฝากอีกเช่นเคยค่ะ
5 กิจกรรมเสริมทักษะนอกห้องเรียน
- เล่นกีฬา เช่น ว่ายน้ำ / ยูโด / คาราเต้ / ฟุตบอล
ข้อดี
- ลูกมีสุขภาพร่างกายดี แข็งแรง
- เรียนรู้เรื่องการแพ้ – ชนะ – เสมอ และการให้อภัย
- การเล่นเป็นทีม ทุกคนต้องสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
- การมุ่งมั่นทำในสิ่งที่ต้องการให้ประสบความสำเร็จ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ
- เข้าค่ายธรรมชาติ
ข้อดี
- ลูกได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ได้เห็นนก ผีเสื้อ ต้นไม้ แมลงต่างๆ แม่น้ำ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์
- ลูกจะรักสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น อย่างน้อยๆ ก็ไม่ทิ้งขยะบนถนน หรือแม่น้ำลำคลอง
- บางค่ายอาจจะมีกิจกรรมเสริม เช่น ปั่นจักรยาน หรือ วาดรูประบายสีด้วย ทำให้สุขภาพกาย และใจดีอีกต่อหนึ่ง
- หากลูกไปเข้าร่วมค่ายกับผู้อื่น ที่ไม่ใช่ผู้ปกครอง หรือโรงเรียนจัดเอง ลูกก็ต้องเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตัวเองด้วย ถือเป็นการฝึกวินัยที่ดีอย่างหนึ่ง
- ลูกเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหาผู้อื่น และฝึกการทำงานร่วมกัน
- ค่ายวิทยาศาสตร์
ข้อดี
- ลูกได้เรียนรู้และทดลองด้านวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้น
- ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และประดิษฐ์สิ่งของ
- ลูกได้ฝึกความอดทน และคิดแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการทดลองด้วยตนเอง
- ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลอง) มีค่ายสำหรับเยาวชนให้เลือกหลายกิจกรรม เช่น ค่ายนักวิทยาศาสตร์รุ่นจิ๋ว ค่ายนักดาราศาสตร์น้อย ค่าย DIY Family rally ค่ายวิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชน (เกี่ยวกับการใช้สื่อ ICT มาทำเป็นเกม) รวมถึงค่าย Robot start up ที่เดียว แต่มีกิจกรรมเพียบเลย เราก็ให้ลูกได้เลือกตามความสนใจได้เลยค่ะ
- เรียนภาษา
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก แต่นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ก็ยังมี
ภาษาอื่นๆ อีกที่น่าสนใจ เช่น ภาษาจีน หรือ ภาษาญี่ปุ่น ข้อดีของการเรียนภาษาคือจะช่วยให้ลูกได้พบปะ พูดคุยกับคนชาติอื่นๆ ได้มากขึ้น รวมถึงเปิดโอกาสในการทำงานของลูกในอนาคตได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
- กิจกรรมสันทนาการอื่นๆ เช่น ร้องเพลง เต้นรำ ทำอาหาร ศิลปะ และอื่นๆ มีข้อดี คือ
การเปิดโอกาสให้ลูกได้ทำกิจกรรมตามความสนใจ หากลูกรู้สึกว่าเขามีอิสระในการเลือกเอง เขาก็จะทำได้ดี และมีความสุขมากกว่าถูกบังคับแน่นอน
สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกกิจกรรมให้ลูก
- ตัวลูกเอง
เราต้องมองที่ตัวลูกเป็นอันดับหนึ่ง ว่าเขาสนใจในเรื่องใดเป็นพิเศษ หากเขาชอบดนตรี แต่ไปให้
เขาเรียนภาษา ลูกก็คงจะทำได้ แต่จะทำได้ดีและมีความสุขไหม นั่นอีกเรื่องหนึ่ง นอกจากนี้ ควรพิจารณาความเหมาะสมตามช่วงวัยของลูกด้วย ว่ากิจกรรมนั้นๆ เหมาะกับวัยลูกของเราหรือเปล่า
- สถานที่ งบประมาณ และระยะเวลาที่เรียน
เรียนใกล้บ้านไหม เมื่อไร ค่าใช้จ่ายสูงจนเป็นภาระหนักเกินไปอาจไม่ใช่เรื่องดี
- บอกให้ลูกรู้ล่วงหน้า
ว่าเราจะพาเขาไปเข้ากิจกรรมแบบนี้ เพราะอะไร ลูกเห็นด้วยหรือไม่ แม้จะเป็นกิจกรรมที่ลูก
สนใจ แต่ก็ควรบอกข้อดี – ข้อเสียให้เขาทราบ ลูกควรรู้ล่วงหน้าว่า หากคุณพ่อ คุณแม่จ่ายเงินค่าเรียนแล้ว เราจะยกเลิกกลางคันไม่ได้ วิธีนี้จะช่วยฝึกให้ลูกรู้จักรับผิดชอบได้ดีวิธีหนึ่ง
สำหรับเด็กๆ บ้านไหนที่ไม่อยากจะไปเรียนเป็นคอร์ส อาจจะเลือกแบบเช้าไป-เย็นกลับ ที่พิพิธภัณฑ์เด็ก, ห้องสมุด, ไปวัด หรือไปบริจาคสิ่งของ ก็ได้ทักษะการเรียนรู้ที่ดีเช่นกันนะคะ
จะเห็นได้ว่ากิจกรรมสำหรับเด็กโตนั้น มีหลากหลายประเภทเลยนะคะ ว่าแล้ว พ่อ แม่ ลูก ก็มาจับเข่าคุยกันเลือกกิจกรรมดีๆ กันเถอะค่ะ