ปัญหาเรื่องอาการปวดหลังนับว่าเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดอย่าง หนึ่งในปัจจุบัน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดเนื่องมาจากกระบวนการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลังและ บริเวณข้อต่อของกระดูกสันหลัง ในวัยหนุ่มสาวหมอนรองกระดูกทำหน้าที่ในการลดแรงกระแทกระหว่างกระดูกสันหลัง ในแต่ละระดับ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นหมอนรองกระดูกจะเกิดการเสื่อม ปริมาณนํ้าที่อยู่ภายในหมอนรองกระดูกจะลดปริมาณลง ทำให้ความยืดหยุ่นและการทำงานของหมอนรองกระดูกไม่ดี ร่วมกับการเสื่อมของข้อต่อกระดูกสันหลัง ปัจจัยในเรื่องของนํ้าหนักร่างกายก็มีผลเป็นอย่างมาก ในคนที่มีนํ้าหนักมากจะทำให้ข้อต่อกระดูกสันหลัง และหมอนรองกระดูกสันหลังรับนํ้าหนักมากกว่าปกติจึงมีผลทำให้อุบัติการณ์ใน การปวดหลังเพิ่มมากขึ้นในผู้ที่มีนํ้าหนักตัวเพิ่มขึ้นมาก
นอกจากนี้เรื่องของพฤติ กรรมต่าง ๆ ของคนไทยทั้งในเรื่องของการนั่ง การนอน การทำงาน ก็จะมีผลโดยตรงกับอาการปวดหลัง วันนี้ผมก็อยากแนะนำวิธีการบางประการในการหลีกเลี่ยงความ เสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดหลัง พฤติกรรมที่ควรปฏิบัติสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง และป้องกันอาการปวดหลังได้แก่
1. การนั่ง ไม่ควรนั่งกับพื้น ทั้งในท่านั่งขัดสมาธิ คุกเข่า พับเพียบ เพราะการนั่งกับพื้นจะทำให้นํ้าหนักส่วนใหญ่ไปลงที่กระดูกสันหลังบริเวณบั้น เอว ทำให้กระดูกหลังรับนํ้าหนักมากและทำให้ปวดหลังเพิ่มมากขึ้น หลีกเลี่ยงการนั่งเก้าอี้ตํ่า เพราะการนั่งเก้าอี้ตํ่า ๆ มีลักษณะคล้ายกับการนั่งพื้น จะทำให้มีอาการปวดมากขึ้น และควรนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิงอย่างถูกวิธีคือนั่งให้ชิดขอบในของเก้าอี้โดย หลังไม่โก่งและให้หลังชิดพนักพิง ไม่ควรนั่งเก้าอี้ที่ไม่มีพนักพิงหลัง
2. การยกของ อย่าก้มลงยกของเพราะกล้ามเนื้อหลังจะเป็นส่วนออกแรง ทำให้เกิดอาการอักเสบ ฉีกขาดได้ โดยควรย่อเข่าลงนั่ง ยกของให้ชิดตัว แล้วลุกด้วยกำลังขา
3. การทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ การนั่งหลังโก่ง นั่งบิด ๆ นั่งก้มมองจอคอมพิวเตอร์ เพราะเป็นการเพิ่มแรงกระทำต่อกระดูกหลังมากที่สุด วิธีการนั่งใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้อง คือ ต้องนั่งหลังตรง วางเท้าให้ให้ราบไปกับพื้นทั้ง 2 ข้าง ถ้านั่งไขว่ห้างหรือวางขาไว้ข้างเดียวก็จะส่งผลในเรื่องความดันที่ส่งลงไป ที่ขา ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ปรับระดับหน้าจอให้อยู่ตรงหน้าพอดี ให้สายตามองตรงไปด้านหน้า ไม่เงย ไม่ก้ม จะช่วยลดอาการตึงหรือเมื่อยล้าบริเวณกล้ามเนื้อช่วงคอ, ไหล่ได้ แขน ช่วงที่ใช้งานพิมพ์คีย์บอร์ด ให้เก็บศอกใกล้ตัว เพื่อช่วยผ่อนคลายหัวไหล่และแขน ลดอาการตึงและเมื่อยล้าจากงานได้ ควรลุกเปลี่ยนอิริยาบถ ยืดเส้นยืดสายทุก ๆ 30-45 นาที
4. นํ้าหนักตัวที่มากเกินทำให้มีอาการปวดหลังได้ เนื่องจากจะทำให้ข้อต่อของกระดูกสันหลัง และหมอนรองกระดูกสันหลังรับนํ้าหนักเพิ่มมากขึ้นมีผลทำให้เกิดการเสื่อม และการอักเสบเพิ่มมากขึ้น
5. ท่านอน ห้ามนอนคว่ำ เพราะจะทำให้กระดูกสันหลังแอ่นมากที่สุด โดยเฉพาะระดับเอวทำให้ปวดหลังได้ ควรนอนตะแคงโดยให้ขาล่างเหยียดตรง เข่างอ ตะโพกและเข่ากอดหมอนข้างไว้ ควรเลือกที่นอนแบบแน่นยุบตัวน้อย ไม่ควรใช้ฟูก ฟองนํ้าหรือเตียงสปริง เพราะหลังจะจมอยู่ในแอ่งทำให้กระดูกสันหลังแอ่น จนทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ สำหรับท่านที่ชอบไปนวด ไม่ควรนอนคว่ำแล้วให้นวดหลังเพราะจะทำให้หลังแอ่นและมีอาการปวดเพิ่มมากยิ่ง ขึ้น
6. การใช้รองเท้าส้นสูง การยืนส้นสูงแบบเขย่งเท้าตลอดเวลาจะทำให้หลังแอ่นมากขึ้น นํ้าหนักของร่างกายกระจายตัวผิดปกติ กล้ามเนื้อหลังเกร็งทำงานมากขึ้น ทำให้เกิดอาการปวดหลัง ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้รองเท้าส้นสูง
7. การงดสูบบุหรี่ สารนิโคตินในบุหรี่มีผลทำให้หมอนรองกระดูกขาดออกซิเจน เกิดกระบวนการเสื่อมเร็วมากกว่าปกติและยุบตัวเพิ่มมากขึ้น ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดหลังมากกว่าคนทั่วไปควรหลีก เลี่ยงการก้มตัวทำงาน เพราะจะทำให้กระดูกสันหลังบริเวณส่วนเอวรับนํ้าหนักเพิ่มมากขึ้น และมีอาการปวดโดยเฉพาะท่านผู้สูงอายุ เช่น ท่าก้มลงทำสวน ปลูกต้นไม้ และโดยเฉพาะท่านที่มีอายุมากและเป็นโรคกระดูกพรุนร่วมด้วยควรต้องหลีกเลี่ยง การก้มตัวให้มาก ๆ เพราะในโรคกระดูกพรุนจะมีกระดูกที่บางตัวลง การก้มมาก ๆ อาจจะทำให้เกิดการยุบตัวของกระดูกสันหลังลงได้
อาการปวดหลังสามารถ ป้องกันและหลีกเลี่ยงได้ ถ้าหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่มีความเสี่ยง การลดนํ้าหนัก การออกกำลังที่ถูกวิธีอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ห่างไกลจากโรคปวดหลัง ชีวิตมีความสุขครับ.
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์
ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
www.taninnit.com Line : ID search : keng3407
Facebook : taninnit หรือ Doctorkeng
Email : tleerapun@gmail.com
credit by :http://www.dailynews.co.th/Content/Article/250184/ปวดหลัง+ป้องกันได้โดยปรับพฤติกรรม