วัณโรค (Tuberculosis) หรือที่เรียกย่อๆ กันว่า TB เป็นโรคติดเชื้อชนิดเรื้อรังที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis สามารถเกิดขึ้นได้กับแทบทุกอวัยวะในร่างกาย เช่น ปอด ต่อมน้ำเหลือง ลำไส้ และสมอง ซึ่งสมัยก่อนที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะเสียชีวิต
อาการของโรควัณโรค
อาการที่สำคัญ คือ ไอเรื้อรังโดยเฉพาะอาการไอที่นานกว่า 3 สัปดาห์ขึ้นไป เริ่มจากการไอแห้งๆ ต่อมาจะมีเสมหะจนไอมีเลือดปนออกมา อ่อนเพลีย มีไข้ น้ำหนักลดเบื่ออาหาร และมีเหงื่อออกในเวลากลางคืน
การแพร่เชื้อของโรควัณโรค
เนื่องจากวัณโรคเป็นโรคติดต่อที่แพร่เชื้อทางอากาศ เชื้อวัณโรคจะแพร่จากผู้ป่วยไปสู่ผู้อื่นทางละอองเสมหะ ซึ่งมาจากการไอ พูด และจาม ละอองเสมหะนี้มีขนาดเล็ก 1 – 5 ไมครอน สามารถล่องลอยอยู่ในอากาศได้นานหลายชั่วโมง เมื่อมีคนสูดเข้าไปจนถึงถุงลมปอดจะเกิดการอักเสบ ซึ่งการไอ 1 ครั้งอาจพบละอองเสมหะออกมาถึง 3,000 ละอองเสมหะ
ปัจจัยของการแพร่เชื้อวัณโรคนั้นมีหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้
- ลักษณะของวัณโรคปอด กล่าวคือ ถ้าเป็นวัณโรคปอดชนิดมีโพรง ซึ่งมีอาการเนื้อปอดเป็นโพรงจะตรวจพบเชื้อในเสมหะค่อนข้างสูง จะมีการแพร่เชื้อวัณโรคทางเสมหะได้มาก แต่ในผู้ป่วยวัณโรคปอดชนิดไม่มีโพรงหรือตรวจเสมหะแล้วไม่พบเชื้อ จะมีการแพร่เชื้อวัณโรคได้น้อยกว่า ส่วนผู้ป่วยวัณโรคอวัยวะอื่นๆ ที่ไม่ใช่ปอดจะไม่มีการแพร่เชื้อ
- สภาพแวดล้อมที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรคปอด ถ้าเป็นสถานที่ค่อนข้างปิดทึบ ระบายอากาศได้ไม่ดี แสงแดดส่องไม่ถึง จะมีโอกาสติดเชื้อวัณโรคสูงขึ้น เนื่องจากเชื้อวัณโรคสามารถถูกทำลายได้เมื่อโดนความร้อนหรือแสงแดด
การวินิจฉัยโรควัณโรค
เมื่อผู้ป่วยมีอาการที่สันนิษฐานได้ว่าอาจจะเป็นวัณโรค เช่น ไอเรื้อรัง น้ำหนักลด และมีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ แพทย์จะให้ทำการเอ๊กซเรย์ปอด ถ้ามีอาการผิดปกติที่สอดคล้องกับโรควัณโรค จึงจะเก็บเสมหะเพื่อย้อมตรวจหาเชื้อ ถึงจะวินิจฉัยโรคได้อย่างแน่นอน แต่ผู้ป่วยบางรายถึงจะมีอาการและเอ๊กซเรย์ที่บ่งบอกว่าเป็นวัณโรคปอด แต่เมื่อย้อมเสมหะแล้วไม่พบเชื้อ แพทย์อาจให้การรักษาแบบโรควัณโรคปอดได้ และติดตามดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
การตรวจหาเชื้อวัณโรคยังมีอีกหลายวิธี ดังนี้
- การตรวจเชื้อจากน้ำย่อย
- การตรวจเชื้อจากกล้อง Bronchoscope
- การตรวจหาเชื้อจากปัสสาวะ
- การเพาะเชื้อจากเลือด
- การตรวจน้ำไขสันหลัง
- การตรวจน้ำจากแหล่งอื่น เช่น เยื่อหุ้มปอด น้ำจากช่องท้อง
- การตรวจเนื้อเยื่อ
วิธีรักษาโรควัณโรค
โรควัณโรคสามารถรักษาให้หายขาดได้เมื่อรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะรักษาด้วยยาสูตร 6 เดือนที่ให้ผลดีที่สุดในปัจจุบันนี้ ได้แก่
- Isoniazid ไอโซไนอาซิด
- Rifampicin ไรแฟมปิซิน
- Ethambuthol อีแธมบิวทอล
- Pyrazinamide ไพราซินาไมด์
แพทย์จะให้ผู้ป่วยรับประทานยาทั้ง 4 ตัว เป็นเวลา 2 เดือน จากนั้นจึงทานแค่ Isoniazid และ Rifampicin ต่ออีก 4 เดือน ซึ่งอาจจะมีผลข้างเคียงจากการรับประทานยาที่พบได้ 5% เช่น มีผื่นคัน ปวดข้อ อาเจียน และตับอักเสบ
การดูแลตนเองเมื่อพบว่าเป็นโรควัณโรค
ช่วงแรกของการรักษาซึ่งเป็นระยะแพร่เชื้อ ควรอยู่แต่ในบ้านโดยแยกห้องนอนออกจากทุกคน ต้องเป็นห้องนอนที่ถ่ายเทสะดวกและแสงแดดส่องถึง ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานยาตามแพทย์สั่งให้ครบถ้วน เพื่อป้องกันเชื้อวัณโรคดื้อยา
ถึงแม้ว่าโรควัณโรคจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่โรคนี้มีระยะแฝงนานนับสิบปี ซึ่งกว่าเราจะรู้ตัวก็อาจจะสายเกินไป อย่าลืมตรวจสุขภาพทุกปีนะคะ
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจากเว็บ Tamsabuy.net