ในขณะที่ทุกคนกำลังทานผลไม้หลังอาหารมื้อหลักกันอย่างเพลิดเพลิน ใครจะรู้ว่าการกินผลไมหลังอาหารให้โทษมากกว่าประโยชน์
อย่างที่ทราบกันว่า ผลไม้ ถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะผลไม้อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด การรับประทานผลไม้เป็นประจำจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีส่วนช่วยในการ เจริญเติบโต อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ รวมไปถึงโรคมะเร็ง แต่สำหรับการกินผลไม้หลังอาหารนั้นแตกต่างออกไป
การวิจัยของคณะผู้ศึกษาในทางโภชนาการและอาหารกลุ่มหนึ่งในสหรัฐอเมริกา โรงพยาบาล LOMALINDA รัฐแคลิฟอร์เนีย สรุปว่า ผล ไม้จะมีกรดซึ่งสามารถช่วยย่อยตัวเองได้ แต่ขณะเดียวกันต้องระวังอย่ากินผลไม้หลังอาหารทันที ต้องรออย่างน้อยหนึ่ง1-2 ชั่วโมง เพราะน้ำย่อยในผลไม้จะไปย่อยอาหารหลักจนสภาพน้ำย่อยหมดความเป็นกรด และทำให้ผลไม้ถูกย่อยและดูดซึมในลำไส้เล็กได้ช้า ซึ่งหากย่อยไม่หมดจะทำให้เกิดการบูด เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร จนเกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จุก เสียด แน่นท้อง ดังนั้น ควรกินผลไม้ก่อนอาหารหนักเพราะน้ำกรดในผลไม้จะย่อยได้ง่ายกว่า
ดร. เฮ่อโป๋ เผยผลวิจัยว่าเมื่อผลไม้เข้าสู่ร่างกายจะมีผลเป็นด่าง เช่น ส้มหรือมะนาวที่มีรสเปรี้ยวก็ล้วนเป็นอาหารที่มีความเป็นด่าง สิ่งสำคัญ สำหรับการรับประทานผลไม้คือการรับประทานผลไม้ในเวลาที่ว่างเปล่า เพราะน้ำและกากใยในผลไม้ช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย สามารถช่วยให้น้ำหนักลดได้ หากกินผลไม้แล้วจะกินอาหารอื่นตาม ก็ควรรอเวลาอย่างน้อย 20-30 นาที เพื่อให้ผลไม้ที่กินเข้าไปตกสู่ลำไส้เล็กและดูดซึมสารอาหารจากผลไม้ เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังทำให้ผิวมีน้ำมีนวลสดใส ร่างกายแข็งแรงและอายุยืนอีกด้วย
ดร.เฮอร์เบิร์ต เอ็ม. เชลตัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโภชนาการของสหรัฐฯ ที่เน้นว่า อาหารหลักจะใช้เวลาย่อยประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งหากกินผลไม้ตามลงไปแทนที่จะผ่านไปยังลำไส้เล็กได้เลยก็จะถูกขวางโดย อาหารหลักที่รอย่อยอยู่ คุณค่าของผลไม้จะให้ประโยชน์กับเราไม่เต็มที่ อีกทั้งยังกลายมาเป็นข้อเสีย ต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายที่จะไม่ได้รับคุณค่าของผลไม้อย่างที่ควรจะเป็น
ครั้งต่อไป อดใจรอสัก 1-2 ชั่วโมง ค่อยทานผลไม้ตาม เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่