EQ คืออะไร ? ความฉลาดทางอารมณ์ คำนี้หมายความว่าอย่างไร?

ตั้งแต่เด็กจนโตเราจะเห็นว่าผู้ใหญ่มักจะพยายามส่งเสริม และพยายามทำให้ลูกหลานตัวเองเป็นเด็กที่ฉลาดมากที่สุด เพราะว่าความฉลาด ความเก่งกาจ คือ ใบเบิกทางสู่ความสำเร็จที่สำคัญ ถ้าใครเรียนเก่งก็มีโอกาสที่จะได้งานที่ดี มีเงินเดือนสูง และมีอนาคตที่สดใส แต่คุณรู้หรือไม่ว่าความฉลาดเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่พอ เราจึงจำเป็นจะต้องมีความฉลาดทางอารมณ์อีกด้วย นั่นก็คือ EQ  นั่นเอง แล้วไอ้เจ้าสิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่ มีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตของเราอย่างไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปค้นหาคำตอบกัน

EQ คืออะไร

EQ ย่อมาจาก Emotional Quotient หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า ทักษะในด้านความฉลาดทางอารมณ์ แม้ว่าเราจะได้ยินคำนี้กันมาหลายครั้งแล้ว แต่หลายคนยังคงเข้าใจผิด คิดว่าความฉลาดทางอารมณ์นั้นหมายความว่า การที่เราเป็นคนอารมณ์ดี การที่เราใจเย็นเพียงอย่างเดียว หรือเป็นคนที่ไม่ค่อยมีอารมณ์โกรธ สิ่งนี้ก็ถือว่าถูกต้องแต่ก็ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดซะทีเดียว และความหมายที่แท้จริงของความฉลาดทางอารมณ์ คือ การที่เราสามารถเข้าใจอารมณ์ของตนเอง และผู้อื่น เราสามารถบริหารจัดการอารมณ์ หรือความรู้สึกของตัวเองอย่างเป็นระบบได้เป็นอย่างดี

สิ่งที่จะช่วยให้เราสามารถบริหารความสัมพันธ์ ที่มีกับคนรอบตัวได้เป็นอย่างดี ทำให้เรากลายเป็นที่รัก และเป็นที่ชื่นชอบต่อสังคม หรือผู้คนที่มีปฏิสัมพันธ์ด้วยทั้งหมด มีงานวิจัยทางจิตวิทยาออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ ซึ่งเป็นบทความที่มีความสำคัญมาก และยังเป็นสิ่งที่ให้ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

จากผลการศึกษาความฉลาดทางด้านอารมณ์ ทำให้พบว่า คนที่มี EQ สูง มักจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่คิดได้ไม่ยาก เนื่องจากสามารถปรับตัวและเข้าร่วมกับสังคม สร้างความสัมพันธ์ในด้านต่าง ๆ  ออกมาได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคนประเภทนี้จะมีความสุขในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

วิธีการสร้าง EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์ เริ่มต้นอย่างไร

คุณเคยสังเกตไหมว่าหลายครั้ง คุณอาจจะมีการปฏิสัมพันธ์กับสังคมรอบข้างที่ค่อนข้างยาก และในบางครั้งอาจมีปัญหาในการเข้าสังคม เพราะฉะนั้นการฝึกฝนความฉลาดทางอารมณ์ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญกับคุณอย่างมาก เพียงแค่คุณพยายามทำความเข้าใจอารมณ์ของตนเอง และรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นของคุณ คุณก็สามารถพัฒนาเพิ่มพูน ความฉลาดทางอารมณ์ของตนเองได้ ซึ่งมีวิธีการพัฒนาได้ไม่ยาก ดังต่อไปนี้

  • รู้จักทำความเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น หรือที่สำนวนไทยของเราบอกเอาไว้ว่า เอาใจเขามาใส่ใจเรา พยายามเข้าใจผู้คนรอบข้างให้มากขึ้น
  • ทำความเข้าใจอารมณ์รวมถึงความรู้สึกของตนเอง อย่าฝืนทำอะไรก็ตามที่คุณรู้สึกไม่พอใจ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัด หรือไม่กล้าที่จะปฏิเสธผู้อื่น คุณควรตอบรับความรู้สึกของตนเอง โดยการปฏิเสธไปอย่างมีเหตุผล และนอบน้อม
  • รับรู้ความรู้สึกของตนเองในทุกการกระทำ เช่น อารมณ์โกรธ ดีใจ หรือเสียใจ เมื่อความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้น อย่างในกรณีที่มากจนเกินไป เมื่อเรารู้เท่าทันเราจะสามารถปรับ ให้มันลดลงมาอยู่ในจุดที่สมดุล ไม่พุ่งปรี้ดจนเกินไปแต่ในจุดนี้เองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ทุกคนทั้งหมดจะสามารถทำได้ การฝึกฝนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด เช่น ในขณะที่เรากำลังรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ให้เราสูดหายใจเข้าและออกลึก ๆ ในขณะนั้นให้นับ 1-10 ไปด้วย วิธีนี้จะทำให้ใจเย็นขึ้น และให้เวลาเราคิดว่า การที่มีอารมณ์กรธเกิดขึ้นเพราะอะไร สิ่งใดคือต้นเหตุ และเราจะสามารถจัดการแก้ไขมันได้อย่างไร เป็นต้น
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เข้าสังคม หรือทดลองหาประสบการณ์ใหม่ เปิดประตูให้ตัวเองได้ค้นพบ และทำอะไรในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ฝึกฝนตัวเอง เพิ่มทักษะให้สามารถปรับตัวเข้ากับ สถานการณ์ใหม่ที่เราไม่เคยพบเจอ สิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยเพิ่ม ความฉลาดทางอารมณ์ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังทำให้รู้จักวางตัวในสถานการณ์น่าอึดอัดได้
  • หยุดดูถูก และบลูลี่ตัวเอง เสริมสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง ในปัจจุบันนี้มีหลายคนที่มักมองว่า ตัวเองยังมีความสวยไม่มากพอ มีความรู้ไม่มากพอ ซึ่งในบางครั้งเป็นเรื่องที่ไม่จริงเลย สิ่งนี้จะช่วยให้เราลดทอนความรักในตนเอง และลดความฉลาดทางอารมณ์ เพราะฉะนั้นจงพยายามบอกตัวเองว่า เราก็เป็นคนคนหนึ่งที่มีข้อดีอยู่ในตัวของเราเอง มีจุดที่ไม่เหมือนใคร เช่นกัน
  • ประสบการณ์ คือ สิ่งที่ควรมีและมีประโยชน์อย่างมาก สำหรับการพัฒนาการทางด้านอารมณ์ เราสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และไม่ทำให้ตนเองล้มเหลว ในเหตุการณ์เดิมเป็นครั้งที่ 2 มีคำที่ได้กล่าวไว้ว่า การใช้ชีวิต เปรียบเสมือนกันการเล่นเกม เมื่อผู้เล่นชั้นแนวหน้าล้มลง พวกเขาจะพยายามลุกขึ้นให้เร็วที่สุด แต่ผู้เล่นทั่วไปเมื่อล้มลงก็จะพยายามลุกขึ้นมาให้ได้ แต่ถ้าเป็นผู้เล่นที่ไม่มีวันประสบความสำเร็จ เมื่อล้มลงพวกเขาจะไม่แม้แต่พยายามลุกขึ้นอีกเลย
  • รู้จักให้อภัยตนเอง เพราะการรู้จักให้อภัยตนเองคือสิ่งสำคัญ เทียบเท่ากับการให้อภัยผู้อื่น การให้อภัยนั้นในบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่เมื่อคุณสามารถให้อภัยผู้อื่นได้ จิตใจคุณจะรู้สึกสงบ ความเครียดที่สะสมจะลดน้อยลง และเมื่อคุณให้อภัยตนเอง คุณจะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดตนเอง และก้าวไปสู่ความสำเร็จที่คุณตั้งเป้าหมายไว้ได้

แม้ว่าการเพิ่ม EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์นั้น จะมีส่วนสำคัญในการประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้หลายคนพยายามฝึกฝนตนเอง แต่คุณต้องไม่พยายามหักโหมมากเกินไป และทำให้ทุกอย่างมีสมดุล เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถพัฒนาได้ เพียงแค่ต้องอาศัยความพยายาม คุณต้องอย่าลืมว่าท้ายที่สุดแล้ว การเป็นตัวของเราเอง และยอมรับในสิ่งที่เราเป็น สิ่งนั้นก็ทำให้เรามีความสุขได้เช่นกัน เพียงแค่เราต้องอาศัยทักษะเหล่านี้ เพื่อดำเนินชีวิตและใช้ทักษะที่ได้นำไปสู่ความสำเร็จ

เด็กที่มี EQ สูง มีประโยชน์ในการใช้ชีวิตหลายด้าน ดังเช่น

  • เด็กจะสามารถทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ แม้จะเป็นเด็กที่ไม่เคยพบเจอ ก็จะสามารถปรับตัวได้
  • เด็กสามารถยับยั้งชั่งใจ ควบคุมพฤติกรรมฉุนเฉียว ก้าวร้าว และสงบสติอารมณ์ได้ดี
  • มีจิตใจโอบอ้อมอารีย์ มีความเมตตา รู้จักให้ และรู้จักการแบ่งปันให้กับผู้อื่น
  • ผ่อนคลายความกังวล สามารถสร้างความสุข บรรเทาความทุกข์ใจได้ ไม่จดจ่อกับความรู้สึกเดิม
  • สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี มีสมาธิ แม้จะเป็นเรื่องการเรียนวิชาที่ไม่ชอบก็ตาม

วิธีการเสริมพัฒนาการด้าน EQ ในเด็ก

คุณพ่อคุณแม่หลายท่านนอกจากจะอยากให้ลูกของตนเอง เป็นเด็กที่ฉลาด มีสติปัญญาเป็นเลิศ พวกเขายังพยายามให้ลูกของตนเองมีจิตใจร่าเริงแจ่มใส รู้จักนึกคิดถึงสิ่งรอบตัวในแง่บวก พร้อมทั้งสามารถเติบโตสมวัย และเป็นคนดีของสังคม  เพราะฉะนั้นการฝึกฝนและพัฒนาทักษะ ในเรื่องของความฉลาดทางอารมณ์ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่ควรมีในแต่ละตัวบุคคล ซึ่งมีวิธีการเสริมพัฒนาการได้ตั้งแต่เด็ก ดังต่อไปนี้

  • สอนเด็กให้รับรู้อารมณ์ปัจจุบันของตนเอง

มีหลายครั้งที่เราจะเห็นพฤติกรรมไม่น่ารักของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นอาการแสดงออกถึง งอแง โกรธ โมโห หรืออารมณ์เสีย คุณพ่อคุณแม่หลายท่าน มักแสดงการตอบโต้ด้วย เสียงที่ดัง หรือการทำโทษ ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เพราะพวกผู้ใหญ่อย่างเรา ควรให้เหล่าเด็กน้อยแสดงอารมณ์เหล่านั้นออกมา และสอนให้พวกเขารับรู้เกี่ยวกับอารมณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับตนเอง เช่น อารมณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือการที่เด็กมีความสุข , อารมณ์ฉุนเฉียว โมโห คือ ความโกรธ

และอาการที่เกิดขึ้นเมื่อร้องไห้ ส่วนมากเกิดจากการที่เด็ก เกิดความเจ็บปวด ทั้งทางร่างกาย และทางใจ เด็กสามารถร้องไห้ได้ถ้าเกิดอาการเจ็บปวด เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะหลายคนเวลาลูกหลานของตนเองรู้สึกเจ็บ ก็จะพยายามบอกว่า ไม่เห็นจะเป็นอะไร ห้ามร้อง อย่าร้องนะเป็นต้น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผิดมหันเลยทีเดียว เราจะต้องให้เด็กทำความเข้าใจเกี่ยวกับอารมณ์เหล่านี้ เพื่อให้เขารับรู้ว่า ณ ขณะนั้นพวกเขารู้สึกอย่างไร และควรจะแก้ไขกับอารมณ์เหล่านั้นอย่างไร

  • สอนให้เด็กรู้จักความมีน้ำใจ และการแบ่งปัน

มีคำกล่าวที่ว่า ผู้ให้จะไม่มีวันยากจน ยิ่งเราให้มากเท่าไหร่ เราจะยิ่งได้รับมากเท่านั้น เพราะว่าการให้จะช่วยในเรื่องของการ สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ทำให้เรากลายเป็นที่รัก และสามารถเข้าสังคมได้เก่ง คุณพ่อคุณแม่อาจจะเริ่มจากการอ่านนิทาน ที่เล่าให้เด็กฟังด้วยความสนใจ ของตัวการ์ตูนที่มีน้ำใจ เพื่อให้เด็กได้ซึมซับและเข้าใจได้ง่าย  หรือพยายามคุณจะพยายามให้เด็ก เรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมในการแบ่งปันสิ่งของต่าง ๆ  รวมถึงการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เช่น พาเด็กเข้าวัดทำบุญ พาเด็กไปให้อาหารสัตว์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ง่าย และสะดวกมากที่สุด

สอนให้เด็ก เตรียมตัวและเผชิญกับปัญหา

สอนให้เด็กรู้จักการเผชิญหน้ากับปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้น หรือการเผชิญหน้ากับความกลัว ซึ่งในบางครั้งผู้ใหญ่หลายคนคิดว่า เป็นเรื่องสามารถทำได้ยาก แต่ในความจริงแล้วมันมีวิธีจัดการไม่ยาก เพียงแค่คุณพยายามสอนให้เด็ก รู้จักการควบคุมลมหายใจ ลองหายใจเข้าลึก หายใจออกยาว ทำอย่างช้า ๆ และตั้งสมาธิเพื่อจัดการกับความวิตกกังวล หรือความกลัว เมื่อจิตใจของเด็ก รู้สึกสงบมากขึ้นแล้ว อยากให้คุณตั้งคำถามกับเด็ก ว่าความกลัว หรือปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นคือสิ่งใด บอกให้เขารับรู้ว่าเราจะอยู่เคียงข้างเขา และพร้อมที่จะแก้ปัญหาไปด้วยกัน ให้เขาสามารถเข้ามาปรึกษาเราได้ทุกเรื่อง หรือให้เขาลองคิดวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเองไว้หลากหลายวิธี จากนั้นก็คอยให้คำปรึกษาว่า วิธีที่เขาคิดมานั้นมีข้อดี หรือข้อเสียแต่ละอย่างแตกต่างกันอย่างไร หรือคุณจะช่วยแนะนำวิธีการแก้ปัญหาในรูปแบบของคุณก็ได้  เพื่อให้เด็กได้ลองคิด วิเคราะห์ รวมถึงเลือกว่าจะใช้วิธีการแบบใดในการแก้ปัญหา จึงจะดีกับตัวเองมากที่สุด

จากข้อมูลข้างต้นทั้งหมดที่ได้กล่าวมา คุณจะเห็นได้ว่าความฉลาดทางด้านอารมณ์ที่เรียกว่า EQ มีความสำคัญกับการเติบโต และใช้ชีวิตไม่ต่างกับ IQ เลยแม้แต่นิดเดียว เพราการสร้างพันธมิตร การสร้างมิตรภาพ ผู้คนรอบข้างที่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูล ถือเป็นเรื่องดีที่ควรมี เพราะในโลกของความเป็นจริง การที่มีทักษะนี้จะสามารถอยู่รอด และประสบความสำเร็จได้มากกว่า ผู้ที่มีความฉลาดทางด้านสติ ปัญญา

หากผู้ปกตรองท่านใดต้องการที่จะสอน ฝึกอบรมลูกหลาน หรือเพิ่มพูนทักษะการใช้ชีวิตในด้านนี้ สามารถทำตามวิธีด้านบนที่เรานำมาฝากได้ และมั่นจใได้เลยว่า เด็กจะมีพัฒนาการที่ดีอย่างแน่นอน